Oddbean new post about | logout
 ## ใจแพ้ตัว ตัวแพ้ใจ
เมื่อ 'ตัว' กับ 'ใจ' หากันจนเจอ เราจะพบกับ "ความสุข"

https://i.nostrimg.com/9bf2a684c6a2d94b34d8154a5209feaf87c607e145b31183bcc43572568cee17/file.png

'ความสุขที่พอดี' มันก็เหมือนกับคลื่นเพลงวิทยุที่เราชอบและอยากฟัง คุณต้องหมุนคลื่นให้พอดีกับความถี่ที่ชัดที่สุด เพลงที่คุณอยากฟัง รายการโปรดที่คุณชื่นชอบ จะคมชัดและไพเราะที่สุด ณ คลื่นความถี่หนึ่งเท่านั้น..

หมุนเลยไปทางซ้าย หมุนเตลิดไปทางขวา มากหรือน้อยเกินไปมันก็เกินจุดพอดี.. ความสุขที่พอดีจึงมีคลื่นความถี่ที่ชัดเจนและแตกต่างกันไปสำหรับแต่ละคน

หลายคนเกิดไม่ทันวิทยุทรานซิสเตอร์อาจไม่ค่อยเข้าใจความหมายดังกล่าว..

ผมนั่งทำงานหลังขดหลังแข็งนับตั้งแต่เช้า เพื่อพบว่า.. ทำเท่าไหร่งานก็ไม่ยอมหมดเสียที ชีวิต 'หนูถีบจักร' ที่วนลูปซ้ำไปซ้ำมา 

หากความสุขของผมคือ ว่าว ด้ายในมือก็กำลังถูกปล่อยให้ยืดยาวออกไปเรื่อย ๆ 

อย่าว่าแต่ GM Notes เลย.. 
แค่เวลาจะเปิดเข้ามาเดินเล่นในทุ่งม่วงผมก็แทบจะไม่มี..

แต่ผมคิดว่า.. ผมไม่ใช่คนเดียวที่ยังไม่ยอมเกษียณตัวเองออกจากระบบเฟียต การออกมาบ่นในเรื่องที่ใครๆ ต่างก็กำลังเจ็บปวด อาจเป็นการแผ่พลังลบส่งผลทำให้ทุ่งม่วงนี้มัวหมอง

อย่ากระนั้นเลย.. ทุก ๆ ครั้งเมื่อผมรู้สึกพ่ายแพ้ เหนื่อยหน่าย หรือท้อแท้กับการใช้ชีวิต ผมจะนึกถึงเนื้อร้องที่ว่า.. 

“ฉันเรียนรู้เพื่ออยู่.. เพียงตัวและจิตใจ 
เป็นมิตรแท้ที่ดีตลอดกาล” 

มันเป็นคาถาชั้นดีที่ทำให้เรารู้สึกปล่อยวางและมีความสุขกับชีวิตอย่างเรียบง่ายโดยไม่ต้องพยายามไปคิดอะไรมาก ถ้อยคำเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงการค้นหาตัวตนตลอดจนเป้าหมายบางอย่างของมนุษย์ตัวเล็กๆ อย่างเราๆ

ชีวิตเล็กๆ ของมนุษย์ แต่มักคิดเรื่องราวใหญ่โตอยู่เสมอ และแทบจะเป็นสูตรสำเร็จเลยก็ว่าได้ที่เรามักผิดหวังหรือพ่ายแพ้ทางความรู้สึก

เนื้อหาใน “ทะเลใจ” ชี้ทางให้ผมระลึกถึง "การปรับสมดุลในการใช้ชีวิต" ด้วยการประนีประนอมอารมณ์ของโลกแห่งความฝัน (ใจ) ให้เข้ากับสภาพของความเป็นจริงที่กำลังเผชิญอยู่ (ตัว)

เมื่อครั้งวัยหนุ่มสาว.. ความตั้งใจของมนุษย์มักต้องการเปลี่ยนแปลงสังคมที่เป็นอยู่ให้เข้าสู่สังคมอุดมคติ 

แต่เมื่อเติบใหญ่ขึ้น.. ความตั้งใจเหล่านั้นกลับค่อยๆ หดหายลดทอนไปพร้อมๆ กับกำลังวังชาตามวัย 

หากแต่สิ่งที่ได้มาจากบาดแผลที่เจ็บปวด คือ การเรียนรู้ที่จะเข้าใจในสิ่งที่ตัวเองเป็นอยู่ โดยเฉพาะ "เป็นมิตรกับตัวเอง" เลิกทะเลาะกับตนเองให้ได้เสียที รวมไปถึงรื่นรมย์ไปกับโลกความเป็นจริง

ผมเดินทางมาถึง "วัยกลางคน" ที่ผ่านชีวิตมาอย่างโชกโชน เมื่อมองย้อนกลับไปยังอดีต เราผ่าน "วัยแห่งความฝัน" มาแล้ว ซึ่งไม่เคยไปถึงจุดหมายอะไรเลย 

วันนี้เราต้องอยู่กับ "ตัว" อยู่กับความต้องการทางด้านวัตถุ ความต้องการทางด้านสังคม ความคาดหวังของครอบครัว ที่ทำงาน ฯลฯ ซึ่งอาจแตกต่างกับความต้องการทางด้านจิตใจที่แท้จริง หรือก็คือ "ใจ"

เราทำตามความต้องการภายนอก (ตัว) จนบางครั้งเราอาจลืมไปแล้วว่าแท้จริงแล้ว เรานั้นต้องการสิ่งใด (ใจ) ดังท่อนที่ว่า..

"ตัวเป็นของเรา ใจของใคร"

หลายคนยังฝืนทำ ฝืนดำเนินชีวิตในหลายๆ อย่าง เพียงเพราะแคร์ปัจจัยภายนอกมากกว่าใจตัวเอง เปรียบได้กับวรรค "ใจแพ้ตัว"

ท่ามกลางกิเลสจากภายนอก สิ่งเย้ายวนต่างๆ ที่ถาโถมเข้ามา เราอาจจะหลงไหลไปติดกับมัน ซึ่งเป็นความต้องการทางกายและทำให้เราเกิดทุกข์มากยิ่งขึ้น เราจะเพ้อฝันถึงความต้องการภายนอกจนแทบไม่มีจุดสิ้นสุด

แต่ไม่ว่าเราจะเก่งขนาดไหน มีทรัพย์มากเท่าไหร่ ก็ไม่อาจทำให้สำเร็จได้ไปทุกเรื่อง สักวันเราจะพบกับความผิดพลาด ทั้งเล็ก ทั้งใหญ่  เหมือนนกที่ล่องลอยไปตามนภา ไล่ตามความต้องการที่ไม่เคยมีวันสิ้นสุด ในวันที่เราอับโชค หมดเรี่ยวแรง นกน้อยจะร่วงลงสู่ "ทะเลของใจ" ใจที่ไม่ใช่ของเรา ใจ ที่มาจากภายนอกซึ่งกว้างใหญ่ดุจดั่งทะเล..

เราวิ่งหาแต่จุดหมายภายนอก แต่ความต้องการภายในใจจริง ๆ เรากลับไม่เจอ เฝ้าพร่ำเพ้อถึง "ความต้องการภายนอก" ของตัวเอง สุดท้ายเราก็พบตัวเองที่ตั้งคำถามว่า.. "เราเกิดมาทำไม?"

"หาหัวใจให้เจอก็เป็นสุข.."

แค่หมุนหาคลื่นที่ "ภายนอก" กับ "ภายใน" จะเจอจุดนัดพบที่ลงตัว 

แต่นั่นก็หมายความว่า.. เราได้ "หาหัวใจของตัวเอง" จนเจอแล้ว เรารู้ว่า "ความสุขที่พอดี" ของเราแห่งหนไหน ปรับชีวิตของเราให้เข้าสู่จุดสมดุลย์

ผมอาจเบื่อหน่ายกับหน้าที่การงานที่ซ้ำวนไปในแต่ละวัน แต่ผมก็รู้ว่าปรารถนาของตัวเองคืออะไร 

ผมปรับจูนทั้งสองสิ่งเพื่อหาจุดเชื่อมที่จะให้พลังบวกในแต่ละวัน แม้จะยากในช่วงต้น แต่เพียงแค่ลดอัตตาของตัวเองลง ปล่อยวางบางอย่างและผ่อนคลายตัวเอง คลื่นความถี่ที่พอดีนั้นก็หาได้ไม่ยาก..

---

มันก็แค่ผมได้พักเที่ยง เหน็บหูฟังเพื่อตัดเสียงจอแจจากภายนอก พลางละเมียดเนื้อไก่ของตัวเองลงท้อง บทเพลง "ทะเลใจ" ที่อยู่ในลิสต์มันดังขึ้นมาผ่านโสตประสาทของผมพอดี 

จุดที่ผมมีสมาธิในการทานมื้อเที่ยงที่สุดนั้น.. คือจุดที่ผมรับสาส์นและความหมายจากเนื้อเพลง ทำความเข้าใจกับมันได้อย่างลึกซึ้ง 

สิ่งต่าง ๆ สะท้อนขึ้นมาจนผมรู้สึกคันมือกับเวลา 30 นาทีที่ผมเหลืออยู่ ก่อนต้องรีบกลับไปทำงาน

ผมเข้าใจได้ทันทีว่าทำไมผมจึงไม่ค่อยชอบตัดผม ทำไมผมไม่ยอมโกนหนวด ไม่ล้างหน้าด้วยโฟมแพง ๆ ไม่ประแป้งแต่งผม และอีกหลายเรื่องที่ดูขัดตาคนทั่วไป

แม้นคนรอบกายจะพยายามบอกกับผมว่า.. ผมควรจะดูแลภาพพจน์ให้สมกับบทบาทที่กำลังรับผิดชอบ ผมควรจะให้เกียรติเพื่อนสมาชิกคนอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง..

กฟ้เพราะผมให้เกียรติคน.. 

ผมจึงไม่โผล่หน้าออกสื่อที่ไหนเลยตลอด 1-2 ปีที่ผ่านมา จนกระทั่งมาถึงทุ่งม่วง ผมไม่อยากให้ อ.พิริยะ ต้องมาคอยนั่งอธิบายกับใครว่าทำไมถึงเลือก "กุ๊ย" มาเป็นผู้ก่อตั้งร่วม.. 

ผมไม่อยากให้เมียอายเพื่อนที่มีสามีไม่ชอบอาบน้ำ..

ผมแค่รู้ว่า "ตัว" กับ "ใจ" ของผมอยู่ที่คลื่นความถี่ไหน 

ผมเจอ "หัวใจ" ของตัวเองมาตั้งนานแล้ว...

หัวใจของพวกคุณอยู่ที่ไหน.. 
ลองมาเล่าสู่กันฟังหน่อยครับ

#Siamstr #SiamstrOG 
 มันลื่นมาเรื่อย ๆ จนไม่ชอบอาบน้ำนี่แระ
https://media.tenor.com/nlCp-sK1oRcAAAAM/ami-fat-cat-fgcat.gif 
 อย่าใส่ใจกับ End credit สิ 5555 
 ความสุกแต่พอดีคือ Medium raw
https://media.tenor.com/U_1pvitpxH8AAAAM/steak.gif 
 อยากเลย.. 
 ทราบซึ้งกินใจทุกตัวอักษรครับ.. ความอยากเราไม่มีที่สิ้นสุด แค่หยุดความอยาก ความสุขก็เกิด 🌱😊 
 ขอบคุณครับ | ผมแค่คนบ้าที่ฟังเพลงแล้วคันตามง่ามนิ้วมือนิ้วเท้า 😃 
 รู้สึกว่าความฝันในแต่ละช่วงวัย ของเรานั้นก็แตกต่างกันจริงๆนะครับ.. 
ยิ่งอายุมากขึ้นกว่าตอนวัยเยาว์ ชีวิตเราก็มีความทะเยอทะยานน้อยลง กลับชอบความสุขที่เป็นแบบสงบสุข 😊🌱 
 ความซุกซนในวัยเด็ก ทำให้เราหมุน Knot เครื่องวิทยุเล่น เราอยากรู้อยากเห็นว่ามันจะส่งผลแบบไหน แต่ท้ายที่สุดเมื่อลองมันนานพอ เราจะรู้ว่า "คลื่นความถี่" ที่ชัด มันถูกกำหนดเอาไว้แต่ต้นแล้ว.. 
 https://www.youtube.com/watch?v=3fR09DsFByk 
 อ่านไม่จบ.. 
 ยังไม่อ่าน แปะไว้ก่อน แหะๆ 
 ตัว-ใจ ผมให้ครอบครัวล่ะ..ทำอะไรเอาครอบครัวเป็นที่ตั้งครับ…แต่ผมสร้างครอบครัวให้เข้าใจงานที่ผมทำฝึกกันตั้งแต่เด็ก เรื่องงานเลยเป็น Work Life Harmony แทน เด็กๆเข้าใจ😁..อยากจะแป๊ะเพลงทะเลใจที่มีความหมายดีๆ ให้ เพราะมันเก่ามากๆ กลัวน้องไม่รู้จัก แต่ผมทำไม่เป็น..555 
 หืม... เป็นแนวทางที่ยอดเยี่ยมมากๆ เลยครับ | เอาเวอร์ชั่นแรก ๆ เลยละกันนะ จริงๆ ผมกะจะใส่ลงไปในบทความด้วย แต่ลืมครับ
https://youtu.be/KyA3IaUlUdM?si=jeDSPGUjw4rSAkQK
 
 ใช่ครับ ต้องใส่มาท่าน👍🏻👍🏻 
 เมื่อมารู้เท่าทันความสุขที่เคยลุ่มหลงในแต่ละช่วงวัยของชีวิตมันเปลี่ยนแปลงมาเรื่อยๆความพอใจในแต่ละวัยมันมีพอเหมาะพอควรอยู่ สุขในวัยกลางของชีวิตไปอยู่กับการเห็นการเติบโตของทรัพย์สมบัติและลูกหลานซึ่งช่วงอายุ18ฝนไม่สามารถรับรู้ความรู้สึกนี้ได้ 
 ใจเป็นนาย กายเป็นบ่าว คำพระสอน
ใจอาจร้อน เพราะกาย ต้องทำอยู่
หน้าที่แล การงาน มาพรั่งพรู
รู้ทั้งรู้ มอบกาย ไร้วิญญาณ ...
 
 อ่านในช่วงอากาศเย็นก่อนเข้าปลายปี (แถมยังมีตุ๊ก "ปิรันต้า" ของไรท์ชิฟต์ออกใหม่อีก) ผมนึกถึงเพลงนี้เวอร์ชั่นนี้ขึ้นมาเลย เมื่อชีวิตเหนื่อยล้ามานาน ผ่านวัยแห่งความฝันไปแล้ว เราเริ่มต้องการความเรียบง่ายแง่งามและแช่มช้าของชีวิต 

เหมือนที่ท่อนก่อนฮุคของเพลงนี้ถามเราว่า "Oh, simple thing, where have you gone?"
https://youtu.be/mer6X7nOY_o?si=pi91jFmTf9lixavA
#siamstr 
 ความสุขของเรามักอยู่ที่ไหนสักที่ มีเพียงตัวเราเท่านั้นที่รู้ 
 อย่าเอาใจไปไว้กับสถานที่ เวลาหรือบุคคล
เพราะความไม่แน่นอนของสิ่งเหล่านี้จะพลอยทำให้ความสุขไม่คงที่ เอาใจให้ใจดูแล มีแต่ใจถึงกับถึงใจที่ดูแลกันและกันใด้ 
 Your post is receiving a lot of attention.
Added to the https://nostraco.in/hot feed 
 เขียนดี นำเสนอโดยใช้เพลงอะไร เก๊าเก่า 555 
 เพลงตะก่อนเขียนขึ้นมาราวกับบทกวี เต็มไปด้วยปรัชญาท เพลงทุกวันนี้ไม่อาจแตะความรู้สึกนั้นของผมได้อีกเลย 
 อ่านเพลินอีกแล้ว หัวใจอยู่ตรงหน้าอกซ้ายค่ะพี่ 555+😉😉 
 หัวใจจิ๊บน่าจะแข็งแรงครับ เห็นกระตุ้นให้สูบฉีดทุกวัน 5555 
 ใช่ค่ะ เช้าออกกำลัง ก่อนไปทำงาน 30 นาที ตกเย็นก็ดื่มสักแก้วค่ะ พอให้เลือดสูบฉีดค่ะ วันนี้ดูท่า พี่ จด. จะมีเวลานะคะ 😉😉 
 มีนิดหน่อยครับ ตอนนี้ก้อทำงานไปด้วย ขึ้นเวรอยู่ 
 โห คุงหมอนี่ไม่มีเวลาเลยนะคะ พี่สุดยอดเลยค่ะ ที่ยังมีบทความดีๆมาแชร์พวกเราอ่านค่ะ แถมยังมี nostr เป็นเพื่อนไม่เหงานะคะ 😉😄 
 ขอบคุณครับน้องจิ๊บ 
 อ่านแล้วจะร้อง......
ร้องไห้? 
ร้องเพลง! 😁 
 ต้องร้องครับ ถึงจะอิน
.
.
ร้องไห้ 555 
 คิดถึงเพลงนี้เลย เปิดฟังแพบบบ^3^ 
 หลังจสกอ่านบทความนี้จบ จะยิ่งฟังแล้วอิน.. 
 อ่านแล้วประทับใจมากๆครับ แต่กลับว่าได้คำถามมานิดนึง ผมรู้ว่า "ใจ" ของผมอยู่ที่ไหน แค่รู้สึกว่าเป็นไปได้ยากและต้องละทิ้ง "ตัว" เต็มๆ ถ้าทำตาม "ใจ" ผมอาจจะไม่ได้เจอคนที่แคร์ผมหลายปี แต่ผมคิดว่าจะได้วิชาความรู้มาแทน(เรียนต่อ) 

ตอนนี้ผมคิดว่าและรู้สึกว่า 
เรายังฝันได้อยู่ไหม.. ตอนนี้เราอยู่ในวัยแห่งความฝันหรือเปล่า..  หรือเราต้องรับผิดชอบสังคมให้ดี.. เราต้องดูแลธุรกิจครอบครัวที่เราไม่ชอบต่อไปใช่ไหม..
ผมสับสนมานานเหลือเกิน ไม่รู้เริ่มยังไงดี รู้อย่างเดียวว่าต้องทำดีต่อไป มันทำให้ชีวิตผมมีอะไรทำมากขึ้นแต่ก็ธรมานนิดนึง

ดูเหมือนผมเป็นนกตกลงไปใน "ทะเลใจ" แล้ว ดูเหมือนสับสนจนหลงทางหาทางออกไม่ได้เลย และผมจับคลื่นไม่เป็น..

ผมออกจากทะเลใจอย่างไรดีครับ🙏 
 ## ตัวหรือใจ ใครกันแน่ที่แพ้? (ภาค 2)
อันดับแรกขอเป็นกำลังใจให้คุณ @Kasidis ก่อนเลยนะครับ รวมไปถึงท่านอื่นๆ ใน #Siamstr ด้วย | ชีวิตเรามันจะมีปัญหาให้เราต้องคอยขบคิดอยู่ตลอดเวลาแหละ.. จนกระทั่งถึงวันที่เราพบว่า ต้นตอ ของปัญหาเกือบทุกอย่าง มันเกิดมาจาก ใจ ของเราเอง..

https://v.nostr.build/GJMe.mp4

ผมเองก็เป็นคนหนึ่งที่ต้องทนทุกข์อยู่กับ "ตัว" หรือบริบทรอบกายที่เรานั้นอาจไม่ชอบมันเท่าไหร่นัก เอาเฉพาะงานประจำที่ทำกับองค์กรล่าสุดนี้ ก็ปาเข้าไป 15 ปีแล้ว (เกือบจะครึ่งชีวิต) ที่ผมนั้นกล้าพูดได้เลยว่า.. ไม่มีแง่ง่ามไหนในงานนี้เลย ไม่แม้แต่เรื่องเดียวที่ตรงจริตผม 

คำถามก็คือ.. ผมอยู่มาได้ยังไงตั้งเกือบครึ่งชีวิต?

"ใจ" ของเราไม่ได้อยู่ที่นี่ เรามีฝัน มีแรงปราถนาบางอย่างที่คอยผลักดันเราไปในที่ ๆ อยู่กันคนละบริบทกับ "ตัว" ที่เรากำลังเผชิญอยู่ในปัจจุบัน

ผมเคยทรมาน.. เคยฝืนที่จะออกโบยบิน.. เคยละเลยความเป็นจริง เพื่อเติมเต็ม "ใจ" ของตัวเองให้ชุ่มฉ่ำ 

แต่ทุกครั้งที่ฝืน.. ทุกครั้งที่พยายามจนเกินความจำเป็น ผมกลับพบว่าตัวเองต้องนอนแผ่หลาอยู่ก้นทะเลใจในสภาพกำลังหมดสิ้นเรี่ยวแรง..

เมื่อต้องจมอยู่ก้นทะเลบ่อยเข้า ๆ ..ผมมีสภาพไม่ต่างอะไรกับบัวที่ซุกใต้ตม 

ผมคงไม่ปล่อยให้ตัวเองนั่งเวทนาสภาพแบบนั้นไปเรื่อยๆ ผมเริ่มตั้งสติกลับมานั่งทบทวนเรื่องราวต่าง ๆ ทบทวนตัวผมเอง ค้นหาสาเหตุแห่งทุกข์ทั้งหมด ผลแห่งการกระทำ อะไรนำพาสิ่งต่าง ๆ ให้เวียนเข้ามาพานพบกับตัวเรา

สำหรับกรณีของผม.. ผมพบว่าผม "ปฏิเสธ" ที่จะยอมรับและอยู่ร่วมกับ "ความเป็นจริง" เพราะเมื่อผมไม่ชอบสิ่งใด ผมจะเกลียดทุกอย่างที่เป็นสิ่งนั้น.. 

ในอดีตนั้น.. ผมเลือกที่จะไม่พยายามมองหาข้อดีใด ๆ ทั้งสิ้นในสิ่งที่กำลังเป็นอยู่ ผมเอาแต่คิดว่าปรารถนาของผมคือสิ่งที่ประเสริฐและคู่ควรกับตัวผมเองมากที่สุด

ผมนี่แหละ.. 
ผมเองนี่แหละ ที่คอย "ถ่าง" ให้ตัวกับใจไกลออกไปจากกัน 

ผมไม่พยายามหาจุดบรรจบของสองสิ่งนี้ เหมือนคน 2 กลุ่มที่กำลังพยายามเล่นชักเย่อกัน ด้วยแรงทั้งหมดที่ตัวเองมี จุดจบของเรื่องนี้มันกฟ้คือต้องมีฝั่งหนึ่งที่กลายเป็นผู้แพ้ ในขณะที่ผู้ชนะก็แทบจะหมดแรง มือไม้แสบร้อน พุพองไปหมด หรือจะพูดให้เข้าใจได้ง่ายกว่านั้นก็คือ..

ไม่มีวันที่ ตัวกับใจ จะหากันจนเจอ

วันที่ผมเข้าใจสัจธรรมในข้อนี้.. ผมเริ่มค่อย ๆ หันเหรียญอีกด้านเข้าหาตัวเอง หมุนมันมาปะทะกับสายตาและเพ่งพินิจพิจารณามันอย่างพิถีพิถัน.. 

เหรียญมันมีสองด้าน เราเองที่ปฏิเสธด้านสว่างของมันมานาน วันนี้มันถึงเวลาแล้วที่เราจะลองค้นหาและลองสัมผัสกับแง่บวกจากสิ่งที่เราขยะแขยงมันมาตลอด

งานที่ผมเบื่อหน่าย.. ในอีกด้านหนึ่งมันก็มอบบทเรียนและประสบการณ์อันล้ำค่าให้กับผม 

ผมเรียนรู้ใน "สิ่งที่ไม่ถูกต้อง" 
เพื่อจะเข้าใจว่าอะไรจะพาเราไปยัง "สิ่งที่ถูก" 

ผมได้เห็น "ความเละเทะของระบบ" 
หรือก็คืออีกด้านหนึ่งผมกำลังได้เห็น "ระบบที่ควรเป็น" (ซึ่งคงจะอยู่กันคนละด้านกับระบบที่ผมเห็น) 

ผมได้เรียนรู้และทำความรู้จักกับ "คนที่ไม่น่าคบ" 
นั่นก็ทำให้ผมรู้ว่า "คนน่าคบ" ควรจะมีหน้าตาเป็นยังไง 

ยังมีอีกหลายแง่มุมที่เราจะเรียนรู้จาก "ตัว" ได้ เพียงแค่เราลองเปิดใจและไม่พยายามจะปฏิเสธมันตั้งแต่แรก

เพราะเมื่อเราเติบใหญ่เราจะเข้าใจได้เองว่า เรากำหนดทุกอย่างรอบตัวไม่ได้ เรามีชีวิตในแบบของเราเอง ยังไงมันก็ไม่มีทางจะเหมือนคนอื่น ที่ชีวิตเราต้องเป็นแบบนี้มันก็ย่อมมีเหตุและผลของมัน เข้าใจมันให้ได้ และท้ายที่สุด.. 

...อยู่กับมันให้ได้

หลังจากนั้น.. ผมพยายามคิดวิเคราะห์ว่าผมจะพา "ตัวกับใจ" ของผมมาเจอกันได้อย่างไร? 

ซึ่งผมรู้ดี.. รู้อยู่เสมอว่าเมื่อไหร่ที่เหตุการณ์แบบนั้นเกิดขึ้น จุดที่ทั้งสองอย่างเริ่มสมดุลกัน ผมจะมีความสุข

ผมเริ่มเรียนรู้ว่า.. แทนที่ผมจะใช้เวลา 3-4 ชั่วโมงหลังเลิกงานไปกับการนอนคิดคร่ำครวญ โทษดิน โทษฟ้า (โทษแม่งทุกอย่าง นอกจากตัวเอง) หรือแค่ใช้เวลาที่มีค่าไปกับการสบถและตัดพ้อ ถ่มถุยชีวิตตัวเองไปวันๆ ซึ่งก็มักจะให้โทษกับตัว ให้พลังลบมากกว่าพลังบวก

ผมควรเอาเวลาพวกนั้นมาสร้างบันได ที่จะพาผมไปสู่สิ่งที่ใจผมปราถนาได้.. 

เรียนรู้ ค้นคว้า ฝึกตน เพื่อเพิ่มพูนทักษะที่ผมคิดว่า มันจำเป็นต่อการทำให้เกิดสิ่งนั้น ตามหาผู้คนที่จะเข้าร่วมกับเราในเส้นทางฝัน ควบคู่ไปกับการที่ผมยังคงทำงานประจำไปด้วยอย่างตระหนักรู้ ยอมรับสิ่งรอบตัวและเลิกพยายามตอบคำถามบางอย่าง ที่แม่งพอได้คำตอบไปก็ไม่เกิดประโยชน์อะไร 

ผมไม่หนี ผมไม่ดิ้น ผมไม่ขัดขืน ..แต่ผมเริ่มร่ายรำ

ผมเริ่มวางแผนบริหารจัดการเวลาและแรงกายของตัวเองให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น (ที่อยู่นอกเหนือจากเวลาของงานประจำ) เริ่มเตือนตัวเองว่าสิ่งที่กำลังพยายามทำเพิ่มอยู่นี้ วันหนึ่งมันจะพาเราไปสู่เหตุการณ์อะไร เหตุการณ์ที่ใจเราไขว่คว้ามาตลอดนั่นแหละ

ถ้าผมไม่เคยพยายามเอาเวลาไปศึกษาเรื่องการลงทุน ไม่พยายามศึกษาประวัติศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ การบริหารจัดการทรัพยากร บริหารคน จิตวิทยา ความเป็นผู้นำ การเจรจาต่อรอง เทคนิคการพูด การจับใจความ การเขียน การนำเสนอ การตลาด บัญชี ภาษี กฏหมาย หุ้น ทองคำ สินค้าโภคภัณฑ์ บทเรียนของคนที่ประสบความสำเร็จกับคนที่ล้มเหลว วรรณกรรมสามก๊ก เรียนคอร์สผู้ประกอบการ เรียนต่อวิทยาการคอมพิวเตอร์ หัดพัฒนาโปรแกรม วิเคราะห์ระบบ ออกแบบซอฟต์แวร์ขนาดใหญ่ คุมโปรเจคอิมพลีเม้นท์ซอฟแวร์ในองค์กรระดับพันคน ทำโปรเจคสตาร์ทอัพนับสิบ เสนอโปรเจคต่อหน้านักลงทุนหลายร้อยคน เป็นที่ปรึกษาให้กิจการต่างๆ เปิดร้านกาแฟเอง เปิดกิจการส่วนตัวนั่นนี่ ฯลฯ 

ยังมีอีกหลากร้อยสารพัดเรื่องราวที่ผมเรียนรู้เอง ศึกษาเอง ครูพักลักจำมา ลองผิดลองถูกเอง ผิดบ้าง สำเร็จบ้าง ฝันค้างบ้าง ประสบมาทุกรูปแบบ โหด มันส์ ฮา ครบรส ผ่านผู้คนมาก็มาก ทั้งดี ทั้งแย่..

ถ้าผมไม่เอาเวลาที่เหลือในแต่ละวันตลอดสิบกว่าปีที่ผ่านมาไปเก็บประสบการณ์ในเรื่องพวกนี้ คำถามคือ..

วันนี้ผมจะเป็น Jakk Goodday 
เป็นคนที่ อ.พิริยะ เลือกจะลองให้โอกาสได้ไหม?

ทั้งหมดที่ผมทำ ผมได้ทำเพื่อความฝัน เพื่อตามหา "ใจ" ในขณะที่ยังคงอยู่กับ "ตัว" ใช่หรือเปล่า?

และถ้าผมท้อแท้ สิ้นหวัง หมดอาลัยตายอยากมาตั้งแต่ต้น.. ผมจะมีพลังส่งมากพอที่จะพาตัวเองมาถึงตรงนี้ไหม?

ลองดูสิ่งที่เกิดขึ้นกับผม สิ่งต่าง ๆ รอบตัวผม และย้อนกลับไปดูเรื่องราวของผมในอดีต ผมมีต้นทุนชีวิต และบริบทรอบตัวที่ไม่น่าจะเอื้อให้เกิดสิ่งเหบ่านี้เลยใช่ไหม?

"วัยแห่งความฝัน" มันมีอยู่เพื่อบอกกับเราว่า.. วันที่เราฝัน ตัวเรานั้นเป็นเช่นไร ฝันของเราคืออะไร เพราะถ้าฝันนั้นเป็นจริงตั้งแต่ต้น เราจะไม่เรียกมันว่า "วัยแห่งความฝัน" มันควรจะถูกเรียกในชื่ออื่น..

คุณค่าแห่งวัย คือ ประสบการณ์ที่จะผ่านเข้ามา

จงเรียนรู้ที่จะอยู่เพียงให้ "ตัวกับใจ" เป็นมิตรแท้ของกันและกันไปตลอดกาล..

"ลิขิตฟ้า" มิอาจหาญกล้าสู้ "มานะตน" | มานะ ไม่เกิดตราบใดที่เราไม่ยอมปล่อยวางและเริ่มตระหนักรู้สิ่งต่าง ๆ รอบตัว เพื่อจะละทิ้งมันและพาตัวเองก้าวไปข้างหน้า 

ชีวิตไม่มีสิ่งใดได้มาโดยง่าย 
ต่อให้เกิดภายในวัง ชีวิตของคุณก็จะไม่ง่าย

ผมเป็นกำลังใจให้ฟอดใหญ่ๆ เลยนะครับ 
 nostr:nevent1qqsffrzyvxe59wu2m6jh99hdu8ep8xnssf2yh5xllpq2kd3nuyyrnxqpz9mhxue69uhkummnw3ezuamfdejj7q3qmqcwu7muxz3kfvfyfdme47a579t8x0lm3jrjx5yxuf4sknnpe43qxpqqqqqqzrz65xg 
 เพราะกฏของความไม่เที่ยงของชีวิต เราจึงสามารถปรับปรุงเปลี่ยนแปลงแก้ไข ชีวิตของเราในรูปแบบทิศทางที่เราต้องการได้จากความรู้ความสามารถและการฝึกฝน
ความพากเพียรพยายามจะมีความหมายอะไรถ้าเราสยบยอมต่อโชคชะตา 
 Yes, absolutely  
 จริงครับ ผมจะทำให้ชีวิตมีความหมายกว่านี้ ขอบคุณมากๆครับ 
 หลังจากอ่านและทำความเข้าใจทุกอย่างที่เขียน ต้องขอขอบคุณพี่ๆและเพื่อนทุกคนในทุ่งม่วงนี้ให้กำลังใจผม และขอบคุณพี่ @Jakk Goodday ที่อธิบายความรู้และประสบการณ์ในชีวิต ตอนที่ผมอ่านจบมันให้ความรู้สึกเหมือนตอนที่เริ่มเข้าใจบิดคอยครั้งแรก เหมือนเริ่มมีแสงเลเซอร์ออกจากตา คล้ายกับที่พี่อธิบายความสัมพันธ์ระหว่าง "ตัว" และ "ใจ" ว่ามันเป็นมิตรที่ดีต่อกันได้อย่างไร หลังจากที่อ่านทั้งหมดนั้น ผมเหมือนรู้ตัวเลยว่าจะทำอย่างไรต่อ ไม่ว่าเรื่องมุมมองต่องานประจำกับความฝันที่เราต้องการอยู่ที่ตัวเราคิดเองและปฏิบัติทั้งนั้น ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าจะทำอย่างไรต่อครับ ต้องขอขอบคุณทุกคนที่ให้กำลังใจและพี่ @Jakk Goodday อีกครั้ง ผมขอบคุณจากใจเลยครับ🙏 
 https://youtu.be/KyA3IaUlUdM?si=lf0BMysuSecxiwCw
หาหัวใจให้เจอก็เป็นสุข..... 
 ประทับใจมากๆ อ่านจบขนลุกเลยครับ
บทความสั้นๆนี้เยียวยาและปลอบประโลมผมในช่วงที่ชีวิตกำลังเจอแต่เรื่องสาหัสสากันมรสุมชีวิต ได้เป็นอย่างดี

ผมกำลังหลงทาง พลั้งมือหมุนวิทยุทรานซิสเตอร์ไปซ้ายสุดบ้าง ขวาสุดบ้าง หวังเพียงให้ความสุดโต่งมันช่วยแก้ปัญหา เบื่อคลื่นเพลงคลาสสิคก็คิดว่าต้องหาคลื่นที่มีแต่เพลงแร้พ เบื่อเพลงแร้พ ก็คิดแต่จะหาคลื่นที่ไม่มีแม้แต่เสียงบีตของกลอง จนลืมคำว่า “สมดุล” “เป็นมิตรกับตัวเอง” ไปเสียสนิท ลืมไปว่าชีวิตไม่ใช่ขาวดำ ทำไมไม่หาคลื่นตรงกลางที่มีทุกอย่างพอดีๆ

ขอบคุณที่เขียนโพสต์นี้ขึ้นมา จริงๆ ครับ