เพราะสุดท้าย บทเรียนของพี่ มันเกิดจากบริบทของพี่มันมีความแตกต่างในรายละเอียดอยู่แล้ว และมันเยอะมีคถณค่าทุกเรื่อง จนไม่รู้จะหยิบจับอะไรมาเล่าดี มันให้คนอื่นเรียนรู้ได้จริง แต่มันจะดีกว่าถ้าเรารู้ How to learn นัยยะของโน๊ตนี้ พี่ไม่อยากให้พ้อยไปที่ example แต่เป็น Mind set เพราะชุดความคิดเดียวหากเจ้าของความคิดรู้จักพลิกแพลงไปปรับใช้ มันจะไม่สำคัญแล้วว่าใช้กับเรื่องอะไร ขอแค่เราใช้ให้เป็น นายจะเข้าใจมากขึ้นเมื่อได้ดูคลิปสั้นๆ นี้.. https://www.facebook.com/share/r/HH8EM8zhrjbZz7tz/?mibextid=0VwfS7
ทีนี้นายจะรู้แล้วว่า ทำยังไงให้รู้ว่าตัวเองขอบหรือเก่งอะไร เพราะพี่ก้อทำแบบนั้นมาทั้งชีวิต
ขอบคุณมากครับพี่ หลังจากที่ผมพยายามหยุดทุกอย่างเพื่อมาคิดตลอดระยะเวลาเกือบๆ 2 ปี ว่าชีวิตผมนั้นต้องการอะไรกันแน่ ผมก็พอจะเห็นทางที่จะไปละครับ เป้าหมายผมมีไว้ชัดเจนพอ แต่ต้องหารอยต่อให้เชื่อมไปถึงตรงนั้นครับ
เสริมให้อีกนิด เป้าหมายจริงมันจะชัดเจนเมื่อมันถูกปรับแต่งไปเรื่อยๆ จากการตระหนักรู้ การเรียนรู้ที่เกิดขึ้นระหว่างทางที่เดินไปสู่เป้าหมายแรก ข้อผิดพลาดของหลายๆ คนคือความสามารถในการยืดหยุ่นและปรับตัวเป็น 0 ไม่จำเป็นต้อง Fix idea เราจะรู้ว่าอะไรดีที่สุดก็ต่อเมื่อมันผ่านการกล่อมเกลามามากพอแล้วนู่นแหละ
ถ้าเป็นเป้าหมายปกติพี่พูดถูกครับ เพราะก่อนหน้านี้ระหว่างทางแต่ละช่วงอายุ ผมก็เปลี่ยนมันเสมอครับ แต่เป้าหมายสุดท้ายของผมอาจจะมีน้อยคนที่อยากจะทำมัน คือ การสละทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างที่มีครับ 55555 อาจจะฟังดูบ้าบอหน่อยนะครับ
ไม่บ้าหรอก พี่ก็เริ่มทำแบบนั้นไปแล้ว