Oddbean new post about | logout
 เรื่องราวในชีวิตส่วนใหญ่ของผม ถ้าให้คิดย้อนกลับไปหลายๆสิ่ง หลายๆอย่าง มันเป็นการตัดสินใจที่พลาด การตัดสินใจช่วงรอยต่อระหว่างชีวิตคือไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ส่วนหนึ่งน่าจะมาจากการที่ผมไม่รู้ตัวตนตัวเองจริงๆ ว่าชอบอะไร ไม่ได้ไปลองหาอะไรที่แปลกๆใหม่ๆทำเพราะความกลัว ทำให้ไม่ได้ลองค้นหาตัวเองว่าที่จริงแล้ว เราอยากทำอะไร จนถึงทุกวันนี้ก็ยังเคว้งอยู่ แต่พยายามจะเปิดรับโอกาสใหม่ๆที่เข้ามาเสมอ ผมเลยอยากให้บทเรียนของการที่ ผมหาตัวตนไม่เจอนี้ มาเป็นอีกหนึ่งกระบอกเสียงว่า ถ้าตัวคุณรู้สึกอยากทำอะไร คุณก็ลงมือทำมันไปเลย ไม่ต้องกลัว มันดีกว่าคุณกลับมาคิดแล้วเสียดายโอกาสที่ไม่ได้ทำมัน ถ้าคุณลองแล้วมันใช่ คุณก็จะได้รู้แล้วว่าคุณชอบอะไร แต่ถ้ามันไม่ใช่อย่างน้อย คุณก็รู้ว่าสิ่งนี้ไม่เหมาะกับเรา เราก็ไม่ควรไปเสียเวลาที่ต้องทนทำอะไรแบบนั้นต่อ มันก็จะช่วยประหยัดเวลาในชีวิตไปเยอะ ถ้าถามว่าระบบปัจจุบันมีส่วนที่ทำให้ผมเป็นแบบนี้ไหม มันก็มีแหละ แต่จะให้ไปโทษมัน สำหรับผมเอง ผมคิดว่ามันไม่ค่อยถูกต้องสักเท่าไหร่ ถ้าจะให้โทษใครสักคน ผมก็จะโทษตัวผมเองเนี้ยแหละ เพราะผมถือว่าระบบ มันไม่ได้มีอิทธิพลพอที่จะตัดสินใจแทนผมได้ ถ้าใจของผมนั้น มันไม่อ่อนแอไปซะเอง ( ผมคงตอบพี่ได้เต็มปากว่า ผมไม่เข้าใจบทความของพี่เลย 55555 หยอกๆ อันนี้ผมเขียนไว้สักพักล่ะ บังเอิญมาเจออะไรที่คล้ายๆสิ่งที่พี่อย่างสื่อ เลยเอามาใช้เป็นคำตอบ แทน คำว่า ผมเข้าใจความหมายที่พี่จะสื่อครับ สุดท้ายนี้ต้องขอ ขอบพระคุณที่รับคำท้าครับ แม้บทความอาจจะไม่ได้ตรงใจ แต่ก็มีคุณค่าและมีความหมายไปอีกแบบครับ ขอบคุณครับ ) 
 เพราะสุดท้าย บทเรียนของพี่ มันเกิดจากบริบทของพี่มันมีความแตกต่างในรายละเอียดอยู่แล้ว และมันเยอะมีคถณค่าทุกเรื่อง จนไม่รู้จะหยิบจับอะไรมาเล่าดี มันให้คนอื่นเรียนรู้ได้จริง แต่มันจะดีกว่าถ้าเรารู้ How to learn นัยยะของโน๊ตนี้ พี่ไม่อยากให้พ้อยไปที่ example แต่เป็น Mind set เพราะชุดความคิดเดียวหากเจ้าของความคิดรู้จักพลิกแพลงไปปรับใช้ มันจะไม่สำคัญแล้วว่าใช้กับเรื่องอะไร ขอแค่เราใช้ให้เป็น

นายจะเข้าใจมากขึ้นเมื่อได้ดูคลิปสั้นๆ นี้..

https://www.facebook.com/share/r/HH8EM8zhrjbZz7tz/?mibextid=0VwfS7 
 ทีนี้นายจะรู้แล้วว่า ทำยังไงให้รู้ว่าตัวเองขอบหรือเก่งอะไร เพราะพี่ก้อทำแบบนั้นมาทั้งชีวิต 
 ขอบคุณมากครับพี่ หลังจากที่ผมพยายามหยุดทุกอย่างเพื่อมาคิดตลอดระยะเวลาเกือบๆ 2 ปี ว่าชีวิตผมนั้นต้องการอะไรกันแน่ ผมก็พอจะเห็นทางที่จะไปละครับ เป้าหมายผมมีไว้ชัดเจนพอ แต่ต้องหารอยต่อให้เชื่อมไปถึงตรงนั้นครับ 
 เสริมให้อีกนิด เป้าหมายจริงมันจะชัดเจนเมื่อมันถูกปรับแต่งไปเรื่อยๆ จากการตระหนักรู้ การเรียนรู้ที่เกิดขึ้นระหว่างทางที่เดินไปสู่เป้าหมายแรก ข้อผิดพลาดของหลายๆ คนคือความสามารถในการยืดหยุ่นและปรับตัวเป็น 0 ไม่จำเป็นต้อง Fix idea เราจะรู้ว่าอะไรดีที่สุดก็ต่อเมื่อมันผ่านการกล่อมเกลามามากพอแล้วนู่นแหละ 
 ถ้าเป็นเป้าหมายปกติพี่พูดถูกครับ เพราะก่อนหน้านี้ระหว่างทางแต่ละช่วงอายุ ผมก็เปลี่ยนมันเสมอครับ แต่เป้าหมายสุดท้ายของผมอาจจะมีน้อยคนที่อยากจะทำมัน คือ การสละทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างที่มีครับ 55555 อาจจะฟังดูบ้าบอหน่อยนะครับ  
 ไม่บ้าหรอก พี่ก็เริ่มทำแบบนั้นไปแล้ว 
 รู้สึกคุยกับพี่แล้วมันมันส์ดีย์ครับ ไม่อยากนึกภาพว่าถ้าไปเจอพี่ชิตจะขนาดไหน ขอบคุณจริงๆครับพี่