การอยากมีชีวิตที่ดีถือเป็นตัณหาไหม ?
คำว่า "ตัณหา" ในบริบทของพระพุทธศาสนา มักจะหมายถึงความต้องการหรือความ
อยากที่เป็นเหตุให้เกิดทุกข์ เช่น ความอยากได้สิ่งต่างๆ การยึดมั่นในสิ่งที่ชอบหรือไม่
ชอบ ความต้องการที่ไม่สิ้นสุด เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม การอยากมีชีวิตที่ดี หากมีความหมายว่า การพยายามพัฒนาตนเอง ดูแล
สุขภาพ ปฏิบัติตามศีลธรรม และทำความดี โดยไม่มีความยึดติดหรือความโลภ อาจไม่
ถือว่าเป็นตัณหาในเชิงลบ เพราะเป็นการแสวงหาความสุขที่แท้จริงและยั่งยืน
แต่ถ้าความอยากมีชีวิตที่ดีนั้นหมายถึงความโลภ ความยึดติดในวัตถุ หรือการพยายาม
หาความสุขจากสิ่งภายนอกที่ไม่ยั่งยืน ก็อาจถือว่าเป็นตัณหาในเชิงลบได้ เพราะสิ่ง
เหล่านี้สามารถนำไปสู่ความทุกข์และความไม่สงบในจิตใจ
ดังนั้น คำตอบว่า "การอยากมีชีวิตที่ดีถือเป็นตัณหาหรือไม่" จึงขึ้นอยู่กับความหมาย
และแนวทางการปฏิบัติของความอยากนั้นเอง ถ้าความอยากนั้นนำไปสู่ความสุขที่แท้
จริงและไม่ทำให้เกิดความทุกข์ ก็น่าจะไม่ถือว่าเป็นตัณหาในทางลบ แต่ถ้าเป็นความ
อยากที่นำไปสู่ความทุกข์ ก็ถือว่าเป็นตัณหาในเชิงลบ
#Siamstr
สังกัปโป ความต้องการชอบที่ได้มาโดยไม่เบียดเบียน
ตัณหา ความต้องการที่ได้มาด้วยการเบียดเบียน
ตัณหา เปรียบเสมือนยางเหนียว การที่สิ่งมีชีวิตมีชีวิต เพราะมีตัณหา กรรมคือไร่นา วิญญาณคือพืช ตัณหาคือยางเหนียว คำตอบอยู่ในคำถาม การที่อยากมีชีวิตถือเป็นตัณหาไหม คนถามถามไม่ถูก เพราะการที่เรามีชีวิตนี้เพราะเรามีตัณหาอยู่ก่อนแล้วจึงเกิดชีวิต ตัณหาในบริบบทของภาษาไทย เมื่อเอาไปแปลมักจะเอาไปโยงกับเรื่องไม่ดีเพราะภาษาเป็นภาษาที่ยังดิ้นได้ ไม่ใช่ภาษาตาย แต่ตัณหาที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้นั้น คือแก่เปรียบตัณหาเสมือนยางไม้ หากไม่มียางไม้นี้ก็ไม่ภพ เพราะไม่มีการเกิด เมื่อไม่มีการเกิด ก็ไม่มีการแก่ และไม่มีการตาย https://84000.org/tipitaka/pitaka_item/m_siri.php?B=20&siri=121