ผมอยากพูดถึงเรื่องแจกเงินหมื่นสักหน่อย (ผ่านบัตรประชารัฐ-บัตรคนจน) เรื่องนี้มันมีอยู่ว่าผมเคยคุณกับคุณอาร์ม nostr:nprofile1qqsqjyfsuudfsf4wsxa5qzjzjz5wyavyfzz9z92e5rcp8lwqwfdjcjs6jqxr0 เกี่ยวกับการจะนำเสนอแนวคิดทางการเมือง ความเชื่อทางเศรษฐกิจ หรือ การสอนว่าเราควรจะบริหารการเงินภายในอย่างไรให้ชาวบ้านเขาเข้าใจ ซึ่งเรื่องนี้มันเป็นเรื่องยากมากครับ... ต้องยอมรับว่าในความเป็นจริงคนไทยทั่วไปขาดความรู้ทางการเงิน (lack of financial literacy) ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่สำหรับคนไทยในยุคข้าวยากหมากแพงครับ มันยากมากที่จะสื่อสารไม่รู้ทำอย่างไร วันนี้ผมตามข่าวเรื่องเงินหมื่นจะเห็นว่าพี่น้องชาวบ้านภาคอีสาน ภาคเหนือหลายคนที่ได้รับสิทธิ์ในบัตรคนจนได้เงินไป ก็เฮโลจนถึงขั้นเป็นลมร้องไห้น้ำตาคอลก็มี 😔 สำหรับคนทั่วไปมันเป็นเรื่อง "น่ายินดี" ในสถานการณ์เฉพาะหน้าที่พวกเขาไม่มีรายได้แล้วพอรัฐให้ก็มีความหวังกับรัฐบาลมากขึ้น .... แต่สำหรับผู้ที่เข้าใจเศรษฐศาสตร์จะเห็นว่าการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการแจกเงินมันเป็นแค่การเยียวยาในระยะสั้น คือคนได้ซื้อของกิน ซื้อสิ่งที่จำเป็น บางคนก็ไปซื้อสิ่งที่ไม่จำเป็นในชีวิต ยกตัวอย่างเช่น การลงอ่าง การซื้อเหล้าซื้อเบียร์ เป็นต้น ซึ่งมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจมาก แต่สำหรับผมมันหดหู่ที่คนธรรมดาหลายคนที่ไม่รู้แม้แต่ความรู้ด้านการเงินขั้นพื้นฐาน พวกเขามีหน้าที่ต้องทำงานหาเช้ากินค่ำ ไม่มีเวลามานั่งศึกษาหาความรู้ลำพังแค่เอาชีวิตรอดแบกรับภาระจากครอบครัวและลูกหลานก็หมดวันแล้ว โดยที่พวกเขาต้องมาแบกรับผลกระทบทางเศรษฐกิจหลังจากนี้อีกที่ไล่บี้คนตัวเล็กตัวน้อยให้ต้องล้มหายตายจาก แล้วเรื่องนี้คือโจทย์ที่ยากที่สุดว่าเราจะแก้ปัญหาให้เป็นรูปธรรมอย่างไรทั้ง 1.การสื่อสารกับชาวบ้าน และ; 2.แนวทางของทางเลือกอื่นที่ไม่ใช่ Keynesianism จะแก้วิกฤตอย่างไร #siamstr
จริงครับ สมัยนี้คนมีความต้องการผลตอบแทนในระยะสั้นสูง ถูกปิดกั้นจินตนาการจากเงินเฝ้อ ไม่มองระยะยาว ยิ่งได้เงินง่ายๆ ก็ยิ่งไม่คิดอะไร เอามาสนองความต้องการตัวเองจนหมด พอหมดก็เสพติดเงินสร้างง่าย เรียกร้องนโยบายแจกเงินอีกวนไป
ผมมองว่าปัญหามันลึกกว่านั้นลงไปอีกครับ ทุกวันนี้ต้นทุนที่คนๆ นึงต้องจ่ายเพื่อการมีชีวิตของตัวเองและดูแลตัวเองได้ (บ้าน, รถ, ค่ารักษาพยาบาล, ประกันสุขภาพและประกันอื่นๆ) มันสูงเกินกว่าที่เค้าจะเอื้อมถึง เค้าไม่สามารถ afford มันด้วยตัวเองได้อีกแล้ว จนต้องมาหวังพึ่งใบบุญภาครัฐ ถึงจุดนี้มันก็วนลูปแล้วครับ ยิ่งประชาชนต้องการพึ่งรัฐมาก รัฐยิ่งต้องมีค่าใช้จ่ายมาก ยิ่งรัฐมีค่าใช้จ่ายมากยิ่งต้องรีดภาษีหรือเสกเงินเพิ่ม ยิ่งเสกเงินเพิ่มยิ่งทำลายเงินเก็บประชาชนจนซื้อสินค้าหรือบริการเพื่อดูแลตัวเองไม่ได้ ยิ่งประชาชนดูแลตัวเองไม่ได้ยิ่งต้องคลานกลับมาพึ่งรัฐ กระบวนการทั้งหมดทั้งมวลนี้ส่งเสริมให้รัฐมีขนาดใหญ่ขึ้น และรัฐไม่มีทางจัดสรรทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพได้เท่าเอกชน (รัฐได้เงินมาจากคนอื่นและเอามาใช้เพื่อคนอื่น เป็นรูปแบบการใช้เงินที่แย่ที่สุดใน 4 แบบ) เท่ากับว่าเรากำลังเดินสู่หนทางที่ยิ่งจนแต่ยิ่งต้องใช้เงินแบบประสิทธิภาพต่ำครับ
ขอบคุณที่ขยายความครับ ยิ่งอ่านยิ่งต้องรีบศึกษาบิทคอยให้มาก🙇♂️🙇♂️
แล้วก็ วนลูปต่อไป เรื่อยๆ จนกว่า มูลค่าของเงินจะล่มไป รัฐแจก>> ชาวบ้านดีใจ>> ข้าวของแพง>> เรียกร้องให้รัฐแจก>> รัฐแจก