Oddbean new post about | logout
 อันนี้มาอธิบายเพิ่มนะครับ คือผมไม่เชื่อคำว่า พุทธแท้ เพราะคำว่าพุทธแท้มันเอามาใช้ตีความในหลายความหมาย บางคนใช้หลักในการดำเนิน ในการตามรอยคำสอน และไม่ได้เรียงลำดับทางสติหรือ“ความเป็น”ที่แท้จริง 

บรรทัดสุดท้ายที่ผมบอกว่าศิวิลัย คือ ”ความเป็น“ ทั้งในด้าน subject และ object ผมมิได้บอกว่าศาสนาสร้างความเชื่อ แต่มันคือสภาวะที่เป็นอยู่อย่างนั้น

และย่อหน้าสุดท้ายของคุณยู คือสิ่งที่ผมต่อต้านตลอด คือ ideal ของ existential สาย ชาร์ตและการ์มู คือการสร้างความว่างเปล่าผ่านโลกจำลองเพื่อให้เราดำเนิน ตามความเชื่อ มากกว่า ความเป็น 

ดังนั้นสิ่งนี้ในเนื้อในโดยแท้ผมมองว่า พุทธที่แท้มันไม่ได้จีรังและไม่สามารถสร้างความศิวิลัย ได้เท่ากับ พุทธที่มันอยู่กับความเป็น ของทั้งประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมท้องถิ่นได้ 


https://youtu.be/pbOgXfMcLoQ?si=ioocKVFh5-1BPL14 

คลิปนี้ค่อนข้างเปิดโลกผมและมองว่า “ความเป็น” ที่ทำให้ตัวพุทธกับผี มันอยู่คู่กันได้ โดยที่คำตอบมันชัดในตัวของปัจเจก มากกว่า สังคม 
 🤖 Tracking strings detected and removed!

🔗 Clean URL(s):
https://youtu.be/pbOgXfMcLoQ

❌ Removed parts:
?si=ioocKVFh5-1BPL14

📚 Why? This helps protect your privacy.

⚡ Zap to support this bot! 
 มันเลยเป็นเหตุผลที่เรามองว่า พุทธะ มันเหมือนเครื่องมือทางคณิตศาสตร์ ที่เราหยิบเอาไปบวกลบคูณหารยังไงก็ได้ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ในแบบของเราเอง 
จะมองว่าพุทธ ต่อยอดมาจากผี มีความใกล้เคียงกันแบบไหนก็ได้ เพราะ สูตรคณิตศาสตร์เราเป็นแบบนี้ แบบไหนล่ะ
แบบที่เราออกแบบมาเพื่อหาคำตอบให้เราเอง 

สูตรคณิตศาสตร์ของเราออกแบบมาเพื่อหาความว่างเปล่า หาจุดเชื่อมโยงเรากลับไปสู่ความว่างเปล่า 
ความว่างเปล่านี่คือ ความว่างในตัวตนของเรา กลับคืนสู่จุดหนึ่งเดียวกันกับธรรมชาติ กับทุกสรรพสิ่ง 
ซึ่งมันอาจจะคือ “ความเป็น” ในนิยามใดนิยามหนึ่งของตั๋งก็ได้นะ “ความเป็นหนึ่งเดียวอันนั้น” 
 ความเข้าใจผิดตรงที่พุทธต่อยอดมาจากผี อันนี้ไม่ใช่นะครับ ผมพูดในความเป็นของตัวศาสนาและ ความเชื่อมันอยู่คู่กัน และ สภาวะทางสังคมมันอยู่คู่กันได้

คำถามคือ ทำไมพุทธไม่สามารถอยู่กับสภาวะในเนปาลหรืออินเดีย ได้ ในสพาวะพุทธที่แท้จริง แต่กลับได้รับอิทธิพล จากคน ที่อพยพมาอยู่ข้างใต้แบบเรา 

ถ้าให้พูดคือ ภูมิภาคที่เชื่อกันว่าทำการเกษตรมากกว่า 

อันนี้ลองอ่านประวัติเรื่อง ผีบุญดูนะครับ 
 พุทธเคลือบผีแบบไทยให้ประโยชน์กับชนชั้นนำ เลยถูก Adopt และใช้งานเป็นเครื่องมือในการปกครอง

ตอนคนไทยแต่ก่อนที่นับถือผีล้วนๆ มีความเชื่อว่า ‘คน’ เกิดมาจากน้ำเต้า แต่พวก ‘เจ้า’ ไต่บันใดลงมาจากฟ้า มีผีฝ้า พญาแถน เป็นผู้ดลบันดาลฟ้าฝน มีการนับถือผีบรรพบุรุษ มีการบูชายันให้ไร่นา

เมื่อพุทธเข้ามา ในพุทธประวัติมีคำสอนเรื่องการสั่งสมบุญแต่ชาติปางก่อน เพื่อให้มีบารมีพอจะเป็นใหญ่ในชาตินี้

กลายเป็นว่า ตรงสเปคกับชนชั้นนำพอดี เรื่องบารมีที่คนธรรมดาจะเทียบเคียง ‘เจ้า‘ ไม่ได้ เพราะ ’เจ้า’ สะสมบุญบารมีมานานแล้ว

แต่ถ้าเอาพุทธเพียวๆมาเลย มันยากที่จะให้คนนับถือตาม จึงมีการเคลือบพิธีกรรมในศาสนาผีไปด้วย ให้ชาวบ้านเก็ทง่ายขึ้น อย่างที่เห็นได้ชัดที่สุด คือ การตั้งศพ ก่อนเผา (Secondary burial) ซึ่งเป็นความเชื่อศานาผีแท้ๆ ที่ตั้งศพไว้ก่อน เพื่อรอให้ขวัญกลับเข้าร่าง

พุทธ จากพระศรีลังกาที่ติดขบวนเรือทางการค้าเข้ามางทางพม่า - ด่านเจดีย์สามองค์ จึงเริ่มงอกเงยในเมืองโบราณอย่าง อ่างทอง สุพรรณบุรี นครปฐม ศรีเทพ และพัฒนาเป็นกลุ่มอารยธรรมทวารวดี

ปล. พุทธ ไม่ตอบสนองชนชั้นนำในอินเดียเพราะที่นั้นมีระบบวรรณนะที่แข็งแกร่งอยู่แล้ว และการที่พุทธบอกว่าใครก็บวชได้นี่ค่อนข้างทำลายระบบพอสมควร 

ปลล. อะไรที่ตอบสนองชนชั้นนำในไทยมากกว่าพุทธ ก็คือพรามห์ ที่เข้ามามีส่วนในพิธีกรรมต่างๆ ของวังตั้งแต่สมัยอยุทธยา 
 ผมแค่แปลกใจตรงที่คุณบัตเตอร์เชื่อว่าการนำเข้าพุทธมาจาก การที่ชนชั้นนำ นำเข้ามา ซึ่งผมมองต่างออกไป55 
 แปลกใจเหมือนกันที่ตั๋งเข้าใจที่ผมเขียนไปในทางนั้นเฉยเลย 555 ผมเขียนไม่เคลียใช่มั้ยนิ

1. ผมเขียนว่าชนชั้นนำ ADOPT นะครับ ไม่ได้นำเข้า คือ เขาเห็นว่าหลักการมันมีประโยชน์ในการสืบอำนาจ เลยเอามาปรับใช้

คนนำเข้ามา อย่างที่ผมเขียนไว้ คือพระจากศรีลังกา ผ่านคาราวานการค้าทางทะเล มาถึงย่านนี้ 

มันเผยแพร่มาจนถึงระดับนึงที่คนเริ่มรู้จัก จนชนชั้นนำ adopt และ ทำให้แพร่หลาย

เรื่องพวกนี้ ขอโทษจริงๆ ผมไม่มี source เลย พิมพ์จากความทรงจำที่ฟัง podcast หรือ รายการจาร สุจิตต์

2. ชื่อ พัตเตอร์ ครับ 😂 
 กำ ใครมันบอกว่าชื่อเนย !!!! 
 ผมน่าจะพลาดไป แต่ผมแค่จะสื่อว่าสิ่งที่มันหลอมหลวมในความเป็น หรือ สภาวะทางสังคม มันไม่ใช่การชี้นำโดย ใครสักคน แต่มันคือ สิ่งที่มิสามารถอธิบายได้ แม้แต่ชนชั้นนำเอง 

หากเรามองในทางชนชั้น ก็คือการยัดความเชื่อ แต่มันไม่ได้ผิดที่ชนชั้นนำ หรือ ชนชั้นกรรมาชีพที่เชื่อ และ ตัว ความเป็นของสภาวะทางสังคม มันคือธรรมชาติ ที่เกิดขึ้นแล้ว

การที่มองว่านี่ไง มันใช้เรื่องเหล่านี้เพื่อปลูกฝังแล้วกดทับ ผมไม่ค่อยเห็นด้วยเท่าไหร่ แต่มองว่า ความเป็นของ สิ่งนั้นๆ มันมีแนวร่วมกันของสังคม 

แม้กระทั่ง ระบบ เฟียต 
 ขออนุญาตถือวิสาสะแนะนำครับ 🙏🏼🙏🏼🙏🏼 
ก่อนสู่ความว่างเปล่า… ลองหาจุดเขื่อมโยงกับต้นสายดูก่อน “ความทุกข์” อาจจะเจอช่องครับ 
 หมายถึงช่องอะไรเหรอครับ 
 การสัมผัส หรือการกระทบกระเทือน ที่มากระทบ จิตใจ, อารมณ์หรือความรู้สึก หลังจากการพิจารณา เรื่องๆนั้นซ้ำๆ ผู้พิจารณาอาจจะว้าวเอง จากเหตุปัจจัยที่มากระทบ ครับ 
 ผมว้าวไปแล้ว ผ่านมามันก็ว่างๆนิ่งๆนะสำหรับผม 
 แล้วยังมีความทุกข์ เหมือนเดิมมั้ยครับ 
หลังจากนั้น ยังทุกข์ อีกมั้ยครับ 
หรือว่างๆนิ่งๆ คงสภาพตลอด ได้จนถึงตอนนี้ 

หากไม่แสดงว่า ว่างๆนิ่งๆ คงยังไม่ใช้ช่อง พ้นทุกข์ ครับ 🙏🏼🙏🏼🙏🏼 
 ทุกอย่างมีมาแล้วไปครับ ไม่มีอะไรคงสภาพเดิมได้ตลอด ผมยังไม่ใช่ อริยะบุคคลอะไรขนาดนั้น ก็แค่คนทั่วๆไปนี่แหละครับ 

ผมก็ไม่ได้กำหนดฟิกตายตัวนะอันไหนคือทางที่ใช่และ ไม่ใช่ สำหรับผมคืออะไรที่มัน ดีมันก็ไม่ดี อะไรที่มันไม่ดีมันก็ดี เป็นอะไรได้หมด หรือไม่เป็นเลยก็ได้ครับ 
 🙏🏼สาธุครับ มันเน้นย้ำให้เห็นว่า ความว่างๆนิ่งๆ ก็ไม่คงสภาพ ผมจึงแนะนำ”ช่อง”
ความทุกข์ 
 อ่อ ครับ ทุกอย่างมันไม่เที่ยงจริง 
 จะ เวย์ไหนก็เวย์นั้น ตามจริต ครับ 
ท่านผู้เจริญปัญญา🙏🏼🙏🏼🙏🏼 
 เพราะมันเป็นสูตรคณิตค่ะ อยากได้ 1
แต่สูตรไม่เหมือนกัน จากภูมิหลังที่มาธรรมชาติไม่เหมือนกัน 
บางคน 0+2+3*5/5 
บางคน 2-1 
บางคนมียกกำลังมาด้วย 

ใครเจอแบบไหน ชอบแบบไหนก็แบบนั้นจริงๆนั้นแหละค่ะ 😊 
 หากเป็นสูตรคณิต แล้ว น่าลอง zoom out  จน เป็น”ผู้สังเกต”เหมือนกัน ตัวเลขนั้นยังจะมีอยู่มั้ย(ยังเห็นอยู่มั้ย)  🤔 ผู้สังเกตการณ์ ,ผู้สังเกตอาการ. 
🙏🏼🙏🏼🙏🏼Good M. 
 พุทธ สำหรับโบว์ คือ ไม่ต้องตั้งคำถามเยอะ หันมาดูที่ใจ 
 คุณโบว์ว่า การแย่งชิงดินแดน สามารถดูที่ใจได้ไหมครับ 
 555555 
 การแย่งชิงดินแดน
ใช้ใจดู ก็มี3 อย่าง ชอบ ไม่ชอบ และไม่สนกับเรื่องนั้น