Oddbean new post about | logout
 ผมซึ่งเป็น #VTuber ก็ยังต้องใช้ Twitter/X เพื่อการพูดคุยโต้ตอบกับคนที่เคยติดตามกันมาแต่ก่อนอยู่  ทั้งที่ใจอยากย้ายมาอยู่ใน Nostr แบบถาวรสุด ๆ มาตั้งนานแล้ว (เพราะอย่างน้อยในนี้ก็ไม่เหงาเหมือนสาขา Mastodon)

สถานการณ์ปัจจุบันในนั้นคือ ตัวผมไม่ได้สมัคร Twitter Blue/X Premium และไม่ได้ติด Shadowban ของแพลตฟอร์ม  แต่ยอดการมองเห็นโพสต์ของผมโดนกดอย่างน่าใจหาย
สมัยก่อนโพสต์อะไรก็จะมีคนเห็นราว ๆ 300-500 คนต่อโพสต์เสมอในเวลา 1 ชั่วโมง  แต่ ณ ปัจจุบันต้องใช้เวลาเป็นวัน ๆ ถึงจะมีคนเห็นซัก 200 คน  และที่แย่กว่านั้นคือแม้แต่เวลาเราไป Mention คุยกับเพื่อนร่วมวงการท่านอื่นก็โดนเมิน ไม่ใช่เพราะเขาหยิ่ง...แต่เพราะเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเราคุยกับเขา โดนกดการมองเห็นระดับนั้นไปแล้วครับ

แล้วยิ่งเราไลฟ์ลง YouTube และ Twitch เป็นประจำ ต้องมีการแปะลิงก์เพื่อพาคนไปที่นั่นอยู่แล้ว ก็เจอนโยบายสุดล้ำที่กดการมองเห็นโพสต์ที่แปะลิงก์ไปยังแพลตฟอร์มอื่น หรือติด hashtag เยอะเกิน 5 อัน

ณ เวลานี้ผมมองเห็นทางออกเดียว คือ ย้ายแพลตฟอร์มไปเลย
ถ้าไม่นับว่าฐานผู้ติดตามในนั้นเรามีเยอะระดับหนึ่ง ผมก็ไม่เห็นความจำเป็นใด ๆ ที่เราจะต้องใช้ Twitter/X อีกต่อไป จนบางทีก็คิดวู่วามแบบหักดิบไปเลยซะดีมั้ย เล่นแต่ Nostr แล้วทิ้งผู้ติดตามหลักพันของเราในนั้นไปเลย

เหมือนจะโพสต์เพราะอารมณ์ส่วนตัว แต่จริง ๆ แล้วสิ่งที่แพลตฟอร์ม Twitter/X เป็นอยู่ตอนนี้มันน่าคิดในแง่ของสิทธิเสรีภาพในการแสดงออกซึ่งผลงาน เรากลับโดนใครคนหนึ่งที่จู่ ๆ ก็ซื้อแพลตฟอร์มไปแล้วเปลี่ยนนโยบายตามใจชอบ ทำทุกวิถีทางเพื่อกดดันให้คนต้องจ่ายเงินแบบบีบบังคับ แทนที่จะทำให้แพลตฟอร์มน่าอยู่และผลักดัน Influencer ซึ่งจะกระตุ้นให้คนอยากจ่ายเงินให้แพลตฟอร์มมากกว่า

ณ จุดนี้ ผมต่อต้านการสมัครบริการจำพวก Verified Account บนแพลตฟอร์มพวกนี้อย่างเต็มรู้ปบบ ไม่ว่าจะใน Facebook/Instagram หรือ Twitter/X เพราะเขาไม่ได้ทำให้เรารู้สึกอยากสนับสนุนแพลตฟอร์ม แต่เขาเลือกที่จะกดดันให้ต้องจ่ายไม่งั้นลืมตาอ้าปากไม่ได้

ผมกลับคิดเล่น ๆ ด้วยว่าเอาเงินสมัครส่วนนั้นมา Zap ให้กับคนที่โพสต์หรือสร้าง Service อะไรที่มีประโยชน์ใน Nostr ยังจะคุ้มกว่า  ผลักดัน Productivity แถมช่วยให้คนเจ๋ง ๆ ได้ลืมตาอ้าปากดีกว่าด้วยซ้ำ

#Siamstr #Thainostrich #FuckElon 
 ผมเลิกเล่นหมดแล้วทุกยี่ห้อ เหลือแค่ FB ที่ยังไว้ทำงานและคุยกับเพื่อนสนิทที่ยังไม่ย้ายมานอสเต้อ 
 It's some kind of a new born but trade-off...

พื้นที่อันรกร้างว่างเปล่า คือตลาดที่ไร้คู่แข่ง.. พี่คิดแบบนี้ตอนตัดสินใจเอาจริงเอาจังกับการแคมเปญและชักชวนหลายๆ คนรวมถึงยกโขยง Right Shift มาที่ #Nostr 

ถ้าวันนี้เราไม่เดินออกมา วันข้างหน้าเราก็ต้องมาที่นี่อยู่ดี..

พอกันทีกับอัลกอริทึมหัวขวดทั้งหลาย สภาวะที่ต้องถูกสนตะพายจากรอบด้าน พี่ดูแลเกือบทุกแพลตฟอร์มบนความรู้สึกว่าเรากำลัง 'ตำน้ำพริก ละลายแม่น้ำ" แลกกับเวลาที่เสียไปเรื่อยๆ ในทุกๆ วัน สำหรับพี่มันไม่ใช่เรื่องปาหี่อย่างยอดวิว มันไม่มีความหมายอะไรกับพี่เลยถ้าคุณค่าที่เราพยายามสร้างมามันไปไม่ถึงคนที่เราอยากให้เขาได้รับ

พี่อาจโชคดีที่ทั้งชีวิตต้องผ่านการ 'เริ่มต้นใหม่' มาอย่างนับครั้งไม่ถ้วน ผ่านการสูญเสียและการสร้างใหม่มาจนชิน มันจะไม่มีความเสียดายหรือเสียใจ หรือกระทั่งต้องกลัวกับ 'การเปลี่ยนแปลง' ใดๆ ทั้งนั้น ..ถ้าในใจเราเชื่อว่าการเปลี่ยนแปลงจะนำเราไปสู่สิ่งที่ดีกว่า อย่างน้อยที่สุดก็ดีต่อใจเรา พี่จะไม่รั้งรอ

ใช่... มันมี Proof-of-Work ของเรามากมายในแง่ของหารสร้างฐานผู้ติดตามที่เคยลงมือทำมาอย่างยากลำบาก เราต้องปล่อยมันไปอย่างเสียไม่ได้ สิ่งที่พี่ถามตัวเองในตอนนั้นคือ จะยอมปล่อยวันนี้ หรือรอให้สายไปกว่านี้ และคำตอบสำหรับพี่คือ จะรออะไรอีก

แต่คำว่า 'ปล่อย' มันไม่ใช่การลอยแพ มันคนละความหมายกับ 'ปล่อยปละละเลย' มันคือการปล่อยวางทิฏฐิและความพยายามที่เคยเปล่าประโยชน์ไปเสีย เราทำความเข้าใจกับสถานการณ์ตรงหน้า คิดคำนวณถึงข้อดี-ข้อด้อย ของการต้องยอมแลกบางอย่างกับอะไรบางอย่าง (trade-off) เมื่อตลาดนี้ไม่ใช่ที่ๆ เราจะเปล่งแสงได้อีกต่อไป เมื่อกติกามันไม่เอื้อให้เราชนะ เวลาที่กำลังหมุนไป คือ 'opportunity cost' ที่เราจำเป็นต้องจ่าย มันไม่ต่างอะไรกับเงินเฟ้อที่คอยกัดกินความมั่งคั่งของเรา...

เราแค่ 'ผ่อนคันเร่ง' หรือเพียงแค่ 'ลดน้ำหนัก' มันลงมาเท่านั้น

อะไรที่จะให้ผลคุ้มค่ากับเรามากกว่าในระยะยาว "ยั่งยืนกว่า" เราจะเทสรรพกำลังไปในทางนั้น ทั้งสองอย่างยังคงทำควบคู่กันไปได้ แต่วันนี้เราต้องยอมรับให้ได้ว่า.. น้ำหนักของบางอย่างจะไม่เหมือนเดิม เราจะโฟกัสมันน้อยลงให้เหมาะสมกับผลตอบแทนที่เราได้รับ ซึ่งบางทีมันอาจเป็นเพียงแค่.. "ความสุข"

เมื่อเราย้ายมาที่บ้านหลังใหม่ เราต้องเตรียมใจว่า นี่ไม่ใช่ตลาดที่เราเคยรู้จักแน่นอน ไม่มีตำราหรือสูตรสำเร็จเล่มใดให้เราอ่าน เงเนแต่เราจะค้นหามันให้เจอเอง ผู้คนหน้าใหม่ วัฒนฌ
ธรรมแบบใหม่ ของที่เราเคยขายดีอาจขายไม่ได้เลยที่นี่

นั่นคือเหตุผลว่าทำไม Right Shift จึงมีรายการอย่าง #สภายาม่วง หรือ #Onlynips คลอดตามมา เราจะเริ่มนับมันใหม่จาก 0 กับกลุ่มผู้ติดตามที่มีรสนิยมแบบใหม่ ก่อร่างสร้างแบรนด์ของเรา สินค้าและบริการของเราใหม่ในสังคมนี้ ซึ่งมันนำมาด้วยว่าคำว่า "Value for Value"

ถ้าเราไม่เคยสร้างคุณค่าอะไรให้ใคร ก็จะไม่มีใครให้คุณค่าอะไรกับเรา ..ปัญหาคือ เรามักไม่รู้ว่าคุณค่าสำหรับคนอื่นหน้าตาเป็นยังไง เรามักรู้จักและเข้าใจเพียงแค่คุณค่าในแบบของเราเท่านั้น..

Anyway.. Right Shift เลือกจะสร้างตลาดใหม่ ชุมชนแห่งใหม่ขึ้นมาเอง ผลักดันมันเอง แต่เราจะไม่ทำมันคนเดียว ไม่กำกับควบคุมอะไรทั้งสิ้น คราวนี้เราจะผลักดันมันร่วมกันกับผู้คนกลุ่มแรกๆ ที่ให้เกียรติและเชื่อมันตามพวกเรามา.. ควบคู่ไปกับการ maintain ตลาดเดิมให้คงอยู่อย่างยั่งยืน

เราพบว่า.. เราต้องให้เวลากับที่นี่ เราต้องอดทนรอวันที่มันจะเติบโตในแบบที่เราฝันอยากให้เป็น เรามีผู้ติดตามใหม่หลักสิบคน ผ่านเวลาไปมันกลายเป็นหลักร้อย และเข้าใกล้หลักพัน มันชัดเจนว่า เราต้องการ "เวลา" และ "proof-of-work" และมันสำคัญที่เราต้องรอได้ รออย่างมีความสุขในทุกขณะ

ยอดวิว หรือ ยอด Engagement ไม่ใช่สิ่งที่เราต้องการที่นี่ สำหรับที่แห่งนี้เราต้องการ Network effect และ Value ยิ่งเราให้ผู้อื่นมากเท่าไหร่ ให้ในสิ่งที่พวกเขาจะอยากได้ เราจะยิ่งได้รับคุณค่ากลับมามากเท่านั้นในอนาคต ..พี่พบว่าสิ่งที่ผู้คนอยากได้ไม่ใช่วัตถุ สิ่งของ องค์ความรู้ หรือเรื่องราวน่าปวดหัว พวกเขาต้องการมันแค่.. "ความสัมพันธ์"

เอาล่ะ.. 

ลองถามตัวเองว่าสิ่งที่เรากำลังเสียดาย หรือลังเลเพราะมันอยู่นั้น ให้อะไรกับเราบ้างในตอนนี้ ความสุขหรือรวามทุกข์? โอกาสประสบความสำเร็จยังมีมากแค่ไหน เราต้องแข่งกับคนอีกกี่คน เราต้องรู้ว่าแท้จริงเราต้องการอะไร? 

เราพร้อมที่จะเริ่มต้นใหม่ไหม? เริ่มจากไม่มีอะไรเลยไปจนสุดทาง ทำอย่างมากก็แค่ตาย สร้างคอนเทนต์ใหม่ นำเสนอสิ่งใหม่ๆ ที่ตลาดจะต้องการ หรือจริงๆ แลเวการเริ่มต้นสำหรับที่นี่ มันก็อาจต้องทำแค่การ "มีปฏิสัมพันธ์" กับผู้คน

พี่เป็นกำลังใจให้ครับเกลือ.. วันนี้จิตใจของเราเดินมาเจอ 'ทางแยก' ที่เราต้องเลือกว่าจะไปต่อ แล้วสู้สุดใจกับระบบที่ไม่มีความยุติธรรม หรือจะหันไปทางใหม่ ที่ไม่มีอะไรเตรียมไว้สำหรับเราเลย ทางใหม่ที่ไม่ต้องสู้อะไรกับใคร...

นอกจากตัวเราเอง..








 
u | 1 years ago (raw) | root | parent | reply | flag +2
 ถ้าไม่จ่ายก็รับผลกรรมของมันไป 
เมนสตรีมคิดแบบนี้ มันกดดันให้ครีเอเตอร์เหนื่อยและท้อจนต้องยอมจ่าย 

แต่ถ้าเราจะเล่นเกมส์นี้และอยู่ให้รอด
เราต้องจ่ายตั้งแต่ตอนนี้! ก่อนที่ทุกคนจะจ่ายกันหมด แล้วเมื่อนั้นอัลกอริทึ่มก็จะถูกปรับอีกครั้ง 

คำถามคือ เราจะเล่นเกมส์นี้ไปได้ตลอดไหม? มันจะเหนื่อยสมองเราไปเรื่อยๆ ใช่หรือเปล่า

นอกจากต้องคิดผลิตเนื้อหาที่น่าสนใจ
มีคุณค่า ให้เกียรติกับผู้ติดตามของเราแล้ว ยังต้องมาคอยคิดหาวิธีเอาตัวรอดในทะเลคลั่งของอัลกอริทึ่มอีก

เราเล่นหลายบทบาท ไปพร้อมๆกันได้ 
ในบทบาททางธุรกิจ เรายังเล่นตามเกมส์
ในบทบาทของมนุษย์คนนึง เราหนีออกจากเกมส์แล้ว 
 I'm done 
 ผมไม่จ่าย 😂 
u | 1 years ago (raw) | root | parent | reply | flag +1
 อดทนไว้ สร้างฐานที่นี้ไปเรื่อยๆ เดี๋ยวแข็งแกร่งเอง 🤙🏻
ของดีอยู่ที่ไหนก็ได้ 
 เราต้องรู้ให้ได้ก่อนว่า คุณค่า สำหรับคนที่นี่คืออะไร (ถ้าเลือกตลาดนี้) ซึ่งมันไม่ได้ง่าย.. วิธีที่ง่ายที่สุดในการหาคำตอบนี้คือ ทำให้ตัวเองกลายเป็นคนที่นี่อย่างสมบูรณ์ เป็นส่วนหนึ่งของตลาดตามธรรมชาติ เราจึงจะเข้าใจตลอด.. Think more to give, takeless 
 กลยุทธ์เดียวกับพวกเกมมือถือ 
Create a problem and sell solutions 

ผลักคนตกน้ำ 
แล้วตะโกนขายห่วงยาง

นี่เป็นกลยุทธ์ที่ผมเกลียดมาก ทุเรศมาก ธุรกิจที่ทำแบบนี้ได้ส่วนใหญ่ก็พวก monopoly 
 น่ารังเกียจเกินไป 
 ผมยังเล่นเกมมือถืออยู่ แค่บางเกม 🥹
แต่เรื่องผลักคนตกน้ำนี่เข้าใจได้เลยครับ