Oddbean new post about | logout

Notes by Coolpong | export

 "นั่นแหละ ฮานามิ"😱🥹 #siamstr #nami https://image.nostr.build/b6bc8725dd9396471c15025f8374359d1c760cd263af694d203a77750d9fc119.jpg 
 #siamstr
Red pill/Blue pill👎
Orange pill 👍
😅❤️‍🔥😍 https://video.nostr.build/022a806e64d6fe674e11c59c954f78bb53c521995314954a50fdb09dcabaa85b.mp4 
 #siamatr
การลงทุนที่ขาดทุนที่สุด https://image.nostr.build/caa2e78a70f0cccd6773263b2a1fc721a4f408647bd38c6f853f689d144036e7.jpg 
 #siamstr
เครดิต FB: Insight On-Chain

👏 เดินตามรอย MicroStrategy บริษัท Semler เข้าซื้อ BTC เพื่อต่อสู้กับเงินเฟ้อ!
. 
✅ Semler Scientific (SMLR) บริษัทด้านเทคโนโลยีและการตลาดสำหรับอุตสาหกรรมการแพทย์ที่เทรดอยู่บนกระดาน NASDAQ เผยว่าพวกเขาได้เข้าซื้อ Bitcoin​ จำนวา 581 BTC มูลค่า $40ล้าน (ราคาเฉลี่ย $68.8k/BTC) 
.
✅โดยพวกเชื่อว่า Bitcoin จะทำหน้าที่เป็นตัวเก็บมูลค่า (Store of value) และการลงทุนที่ดี นอกจากนี้มันยังเป็นตัวปกป้องความเสี่ยงจากเงินเฟ้ออีกด้วย
.
✅ ซึ่งการที่พวกเขาเลือกเปลี่ยนสินทรัพย์ของบริษัทเป็น Bitcoin แทนที่จะเป็นทองคำนั้นเพราะขณะนี้ขนาดตลาดของ Bitcoin ยังเล็กกว่าทองคำเกือบ 10 เท่าและเชื่อว่ามันจะมี Upside ที่สูงกว่านั่นเอง 
 
#siamstr 

เครดิต: FB วิศวกรสอนลงทุน

บทความต่อ อันนี้กาวล้วน ไม่มีทินเนอร์ปน

US กับ China ยังไงก็ตีกันแน่ เพราะเห็นต่างกันมา อีกคนหนึ่งเป็นลูกหนี้ แต่ทำเจ้าหนี้แทบสิ้นชาติสิ้นเศรษฐกิจได้ ... เอากระดาษไปแลกของเพื่อน ไม่พอ Dilute กระดาษนั้นเองมีผ่านนโยบาย Budget Deficit (ใช้มากกว่าหา หาไม่ทันก็กู้มาจ่ายจนดอกเบี้ยแต่ละปีอยู่แถวๆ $1Trillion)... เหลี่ยมทุกดอกแล้วบอกเพื่อนกัน

China บอกไม่ไหว กระดาษของลื้อไม่น่าจะรอดใน Long Run เพราะผู้คิดค้นนโยบายเงินกระดาษบอกเองว่า In the long run we all die ดังนั้นกู้ไปบริโภคแหละ เพื่อให้เศรษฐกิจปัจจุบันมันผ่านไปให้ได้ หมุนไปก่อน ... เลยพยายามลดการพึ่งพิงเศรษฐกิจไปยัง US มากขึ้น ... วางโครงการเศรษฐกิจใหม่ BRI เดินทางทั้งบกน้ำอากาศไปยัง Europe, Africa, India, Asian และ US ไม่ได้อยู่แผนเศรษฐกิจนี้ (จะอยู่ได้ไง มันมีมหาสมุทรคั่นกลาง 555+) ... และร่วมมือกับคู่แข่งเก่า US อย่าง Russia ในการจัดตั้งกลุ่มการเงินใหม่อย่าง BRICS เพื่อเอามาแข่งกันกับกลุ่มเดิมอย่าง IMF/World Bank ที่ตั้งมาตั้งแต่ยุคหลัง WW2 ... พยายามจะลดการใช้เงิน Dollar กันสุดๆ สร้าง Bilateral Trade ใช้เงิน 2 สกุล ไม่ผ่าน Dollar ก็ทำกันมาแล้ว (แต่ยังเป็นส่วนน้อยมากๆ เพราะใครมาร่วมกันกับ BRICS มักจะโดนพี่ใหญ่อย่าง US เล่นงานเสมอไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง แบบชอบธรรม)

ตรงนี้ที่ US ก็ยอมไม่ได้ ปล่อย China เป็นโรงงานให้ทั้งโลกมานาน หลายๆบริษัทของเมกาก็ไปตั้งโรงงานในจีน เลยพยายามกีดกันทุกทาง ผ่านนโยบายต่างๆ Tech/Trade war กำแพงภาษี Blacklists จับคนสำคัญของบริษัทเขา ยัดข้อหาต่างๆเข้าไป ... บอกเพื่อนๆ Japan, S. Korea, EU, Australia ว่า อย่าไปคบค้ากับจีน ... มาจีบ Asian ร่วมถึงไทยว่า จะเข้าฝั่งไหน I มีผลประโยชน์ให้ต่างๆนาๆ ก็ว่าไป ... ทั้งหมดเพื่อสกัดจีนให้ได้ เท่าที่ยังมีโอกาส

เวลาผ่านมาตั้งแต่ 2018 ที่เริ่มกีดกัน ... มองอีกที China เอาจริงแหะ ลดการถือ Dollar จริงๆ ไปซื้อแต่ทองเพิ่มเข้าทุนสำรอง ... จน US แบบต้องส่ง นักการเมือง ตัวแทนรัฐต่างๆไปคุยกับ China ช่วยซื้อ Bond หน่อย (ปล่อยกู้หน่อยได้ไหม ขึ้นดอกเบี้ยให้แล้วนะ) ...  แต่ก็ยังไม่เกิดผล ... US เลยใช้กองทัพเงินทุนฝั่งตนถอนเงิน เพื่อถล่มตลาดทุนจีน ให้พังทลายลงมา เกิดวิกฤตต่างๆมากมายในจีน ก็เป็นผลจากฝั่ง US ถอนทุนที่เคยเข้าไปลงทุนให้ทั้งนั้น (แม้ว่ารัฐบาลจะเป็นหนี้จีน แต่กองทุน US ยังคงมีเงินทุนในจีนอยู่จำนวนหนึ่ง จนถอนออกมาเกือบหมด) ... จุดนี้ถือว่า US ทำได้ดีผ่านทั้งกองทุนที่เป็นหน่วยรบทางการเงิน ... หน่วยข่าวสร้างกระแสอย่างกลุ่ม Social Media ทั้งหลาย รวมถึงบริษัทด้านเงินทุนหลักทรัพย์ที่สามารถออกบทความวิเคราะห์ต่างๆ เพื่อถล่มตลาดทุนได้ ... แต่ที่สำคัญ China มันไม่ตายนี่ล่ะสิ แถมเก็บทองคำเพิ่มขึ้นอีกเรื่อยๆ (ธนาคารกลางจีนซื้อทองมากที่สุดในโลกในปี 2023, China มี Reserve ทองคำมากที่สุดในโลกรองลงมาคือ Russia)

US ต้องเริ่มมาคิด ถ้าปล่อยแบบนี้ต่อไป ความเชื่อที่ว่า USD จะไร้ค่าไม่มีอะไรหนุนหลังก็จะเกิดขึ้น เพิ่มขึ้นรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ และจะไปเก็บทองคำตามจีน ก็จะดูเป็นการเสียคำพูดที่ปลดทองคำออกไป 1971 ... แล้วจะทำอย่างไรดี ที่จะสร้างความเชื่อมั่นในเงิน USD ในฐานะ Fiat ผู้ยิ่งใหญ่ได้อีกครั้งในเมื่อ China/Russia จะพา BRICS สร้างสกุลเงินใหม่ของระบบเศรษฐกิจใหม่ และมี Backup ที่อาจจะเป็นทองคำ จะทำให้ระบบนี้เปลี่ยนจาก Fiat (เงิน back by Country's trust) กลับไปสู่ Paper money อีกครั้งเหมือนช่วง 1945-1971 ที่ USD มีทองคำ backup นั่นเอง

มองไปในสินทรัพย์ใดๆที่คล้ายทองมีอีกไหม ถ้าเลือก Silver บอกตรงๆศักดิ์ศรีต่ำกว่าทอง ... มีอะไรที่พอจะบอกได้ว่าดีกว่าทอง และมีคุณสมบัติพื้นฐานคล้ายๆกัน คือ มี Scarcity หายาก ผลิตได้ยาก และ มีคุณสมบัติที่ดีกว่าทองและมาแก้ปํญหาเรื่อง transfers value across space ได้ เพราะทองคำ มีข้อเสียเรื่องการเคลื่อนย้ายไปมา จนทำให้เกิด Paper money แล้วเอาทองคำเป็น backup เกิดขึ้นในอดีตนั่นเอง

อ่านมาถึงตรงนี้คงไม่ต้องเดาถึงสินทรัพย์ตัวนั้น ... ที่ถูกสร้างขึ้นจากใครก็ไม่รู้ ไร้ตัวตน ไร้ศูนย์กลาง หาได้ยาก มีคุณสมบัติเรื่อง transfers value across space ที่ดีกว่า ... ที่สำคัญจริงคือ China ไม่ชอบมัน ... แบนไปแล้ว ทำให้ความได้เปรียบถูกสะสมมาเรื่อยในฝั่ง โลกตะวันตก ... สิ่งนั่น คือ Bitcoin

มองไปมองมาคงจะเป็น Bitcoin แน่ๆที่จะพอมาทำให้ Dollar กลับมาเป็น Paper Money ได้อีกครั้ง ... เลยลีลานิดนึงและเริ่มอนุมัติ Bitcoin ETF ให้กองทุนขนาดใหญ่สามารถถือครองเก็บสะสม Bitcoin ได้แม้ว่าจะเป็นเงินจากสถาบันการเงินในตลาดทุนก็ตาม ... ต้องไม่ลืมสิ่งหนึ่งที่ POTUS เคยทำมาแล้วช่วง 1933 คือ ออก Executive Order สั่งให้ชาวเมกันทุกคนทำทองคำมาแลกเงินดอลล่าร์กลับไปในอัตราส่วน $20 ต่อ ออนซ์ ... ก็ไม่แน่ว่าเราอาจจะเห็นการทำสิ่งนี้อีกครั้งก็ได้

และการกำหนดอัตราส่วนตรงนี้แหละ จะเป็นตัวบ่งชี้ได้ในอีกเกมส์การล้างหนี้ของเมกาได้เลย ยกตัวอย่าง ถ้าเก็บ Bitcoin ไปแล้วถึง 1 ล้าน Bitcoin ซึ่งมีโอกาสทำได้ยากก็ตาม ... แล้วกำหนดอัตราส่วนที่ 1 ล้าน USD ต่อ Bitcoin จะทำให้ สหรัฐพิมพ์ Dollar เพิ่มขึ้น 1 ล้าน USD แต่ได้ Bitcoin 1 ล้าน Bitcoin มา back หนี้ทั้งหมดของเงิน Dollar นั่นเอง ... และการทำแบบนี้ก็เข้าเกมส์เดิมก็เมกา คือ สามารถกำหนดมูลค่าสินทรัพย์ได้ด้วยตนเอง เหมือนที่ทำมาตลอดกับประเทศเพื่อนๆ คือ กำหนดอัตราดอกเบี้ยที่จะจ่ายคืนได้เอง ผ่านนโยบายดอกเบี้ยของ FED ... ตรงนี้ Bitcoiner อาจจะได้ประโยชน์ไปเต็มๆเพราะมูลค่าในรูปของเงิน Fiat คือ $1M ต่อ Bitcoin แต่ถ้าเป็น Real Bitcoiner ก็จะไม่ขายมันออกมาถือเงิน Fiat อย่างแน่นอน เพราะ 1 Bitcoiin = 1 Bitcoin และสามารถ Preseve wealth ของพวกเขาได้ ... เพราะการ mark price ถ้าเกิดขึ้น มันคือการ Devalue USD และเป็นการ Devalue Debt ลงไปด้วยนั่นเอง

ฝั่งการเงินก็กาวเกิน ... มาดูฝั่ง Tech กันบ้าง ... US คือผู้นำโลกเข้าสู่ AI world อย่างแท้จริงๆ เพราะบริษัท Tech ที่สร้างสิ่งนี้ขึ้นมาก็มาอยู่ฝั่ง US แทบทั้งหมด (เว้นแต่จีนที่อาจจะยังไม่ได้ปล่อยของเท่าไหร่ในจุดนี้) ... แต่หาก US สามารถกิน market share ได้ก่อนเหมือนอย่างที่ Google, Apple, Microsoft, Meta, NVDIA, TESLA ทำมาได้แล้วล่ะก็ ... การกำหนด Standard ก็จะเกิดขึ้นเช่นเดิม ... ลองคิดภาพนะครับ จะมี AI ที่ไหนต้องการ Gold ในการทำ settlement ยกตัวอย่าง AI ของนาย A ต้องการสั่งของไปยังห้างร้านที่มี AI ของร้านดูแลอยู่ โดยการสั่งซื้อนั้นเป็นการสั่งซื้อตาม historical data ที่นาย A ซื้อมาโดยตลอด AI ก็ไปซื้อให้ได้เลย ... Settlement ระหว่าง AI ของทั้ง 2 ฝั่งซื้อและขาย ก็ควรจะอยู่ใน Digital Form of Payment ... ตรงนี้นี่เองที่ CBDC ฝั่งเมกาจะมาตอบโจทย์ แม้กระทั่งกำหนดไปเลยว่า Bitcoin เป็น mean of payment ได้สำหรับโลก AI ที่จะมี Transaction ระหว่างกันมากขึ้นเรื่อยๆในโลก Digital และอาจจะเป็นเขตเศรษฐกิจบนโลกเสมือน ที่เมกาถนัดมากกว่าจีนก็เป็นได้

เราจะเริ่มเห็นว่าการแข่งกันในส่วนของเศรษฐกิจ จะชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ คือ ฝั่งจีนจะยังคงเล่นท่าเดิมที่เมกาเคยเล่นมาแล้ว คือ สร้าง ecosystem ขึ้นมาใหม่ผ่าน BRI ออกสกุลเงินที่ back โดยสินทรัพย์มีค่าอย่างทองคำผ่าน BRICS และรวมประเทศพันธมิตรเข้ามาเพื่อโดดเดี่ยวเมกา

ส่วนเมกา "อาจจะ" เดิน ecosystem ใหม่ไปเลย เน้นไปทาง Digital world มี CBDC เป็นสื่อกลาง มี Bitcoin เป็น backup และมี transaction generator เป็น AI ที่ทำงานระหว่างกันสร้าง GDP บนโลกเสมือนออกมาได้อย่างมหาศาล (ทำสำเร็จมาแล้วในโลก web 2.0 ที่มีกลุ่ม tech ยักษ์ใหญ่ในปัจจุบันเป็นผู้นำ)

ส่วนในเรื่องของทางทหาร สงครามใหญ่ อาวุธยุทโธปกรณ์ ตรงนี้ยังไม่ขอพูดถึง เพราะไม่ได้เจาะรายละเอียดมากนัก เลยกาวยังไม่ได้มากเท่าที่ควรน่ะครับ 555+ (ไว้โอกาสหน้าถ้าพร้อมจะมากาวต่อ) 
 #siamstr #naomi

เครดิต FB: Fun Manager https://image.nostr.build/8660e2b816cd95d769702a0769b758125381e970bec9b8878a0c51180f0b3d31.jpg 
#สรุปเทรดเด้อLIVE by Srisiam EP.14
Naomi - นาโอมิ 

Source : https://www.youtube.com/watch?v=8QU8qWE72GA

สรุปโดย K.QWERTY เม่าเมารัก

==============

Srisiam : มีคนติดตามหมื่นคนภายใน 5 วัน ทำยังไงมาเนี่ย นาโอมิ

Naomi : ถ้าพี่กิ๊ฟถามว่าทำยังไงมา ก็จะบอกว่าไม่รู้เหมือนกัน ... จุดเริ่มต้นในการทำเพจคือ นาโอมิเป็นพิธีกรของ Trader KP กับ Business Tomorrow เวลาเราอยู่ในรายการ เราจะเห็นทุก comment แต่เราตอบไม่ได้ ... มันเป็นอย่างนี้มาสักระยะเวลาหนึ่งจนเรารู้สึกว่าเราต้องมีสักช่องทางในการตอบกลับกับช่องแชทของเรา เราต้องคุยกับเขาบ้าง ไม่ใช่ให้เขาคุยกับเราคนเดียว

Srisiam : ก็เลยสร้างเพจขึ้นมา เพราะว่าจะเอา account ของ Trader KP ไปตอบ อาจจะดูไม่เหมาะสมในบางคอมเมนต์ ก็เลยอยากได้ช่องทางที่ดูเป็นส่วนตัวมากขึ้น

Naomi : ใช่ บางทีเขาเล่นอะไรมา นาโอมิก็จะได้เล่นด้วยได้ ถ้าใช้เพจ Trader KP เล่นไปด้วย จะดูไม่เหมาะสม เราก็เลยสร้างเพจ Naomi - นาโอมิ ขึ้นมา และสิ่งที่ยากที่สุดในการตั้งเพจคือ ตั้งชื่อเพจว่าอะไรดี

Srisiam : แล้วไปได้ชื่อเพจนี้มายังไง

Naomi : เพราะคนจำเราว่าเราคือนาโอมิ ก็เลยใช้ชื่อ Naomi - นาโอมิ นี่แหละ

Srisiam : รู้สึกตกใจมั้ยที่เพจมีคนติดตามเยอะในช่วงเวลาแค่แปปเดียว

Naomi : ตอนเปิดเพจไม่ได้รู้สึกตกใจอะไร ขอพูดถึงพี่โจ เพจ Fun Manager ซึ่งเป็นเพจการลงทุน พี่โจเคยเป็นแขกในรายการ และคุยเล่นกันจนสนิทกัน แล้วนาโอมิก็เอาเพจตัวเองอันนี้ไป follow เพจพี่โจ พี่โจก็แชร์เพจให้นาโอมิ หลังจากนั้นคนก็แห่มาติดตามที่เพจนาโอมินับพันคน

ต้องบอกเลยว่าการที่เพจมาได้ถึงขนาดนี้ มีคนติดตามหมื่นคน เป็นเพราะทุกคนช่วยกันแชร์ ทุกคนช่วยกันกด like ทุกคนช่วยกัน follow และนาโอมิทำ content ในเพจ เป็นการสรุปบทสัมภาษณ์ที่ตัวเองสัมภาษณ์มา และเขียนลงในเพจ เวลามีคนแชร์เยอะๆ follower ก็จะเพิ่มแบบรวดเร็ว

Srisiam : แนวทางของเพจที่เติบโตเร็วแบบนี้ นอกจากการเอาข่าว/บทสัมภาษณ์มาแชร์ เราจะทำ content อื่นให้คนมาติดตามเพิ่มขึ้นบ้างมั้ยครับ

Naomi : หนูไม่อยากให้หลุดจากเรื่องลงทุนมาก เพราะหนูเป็นพิธีกรรายการลงทุน และคนที่ติดตามเราก็มาจากเพจการลงทุน นอกเหนือจากสิ่งที่เราสัมภาษณ์ หนูก็มีมุมมองความคิดของตัวเองในเรื่องอื่นๆ เหมือนกัน อย่างเช่นเรื่อง AI ซึ่งเป็นเรื่องที่หนูสนใจ

อะไรที่หนูสนใจและคิดว่ามันเกี่ยวกับการลงทุน ก็จะเอามาลงที่เพจนี้แหละ แต่ก็คิดอยู่ว่าอาจจะลงรูปตัวเองตอนที่ได้รับเชิญไปออกงาน ( ที่เกี่ยวกับธีมการลงทุน ) บ้าง และอาจจะมี lifestyle สักครั้งนึง เพราะว่า inbox ( ในเพจ ) เรียกร้องกันเยอะเหลือเกิน

Srisiam : มีคำถามที่เป็นที่ถกเถียงกันมาก ตกลงนาโอมิใส่แหวนข้างไหนแน่ และมีแฟนหรือยัง

Naomi : นาโอมิโดนแซวเรื่องใส่แหวนข้างไหนบ่อยมาก เพราะเวลานาโอมิหัวเราะ จะชอบเอามือปิดปาก ... นี่คือมือขวานะคะ นาโอมิใส่แหวนข้างขวาค่ะ จริงๆเป็นคนชอบใส่แหวน ก็เลยจะเห็นแหวนบ่อย ซึ่งไม่ได้มีพันธะอะไรทั้งนั้น อันนี้คือแค่ซื้อมาใส่เล่นเท่านั้นเอง

Srisiam : อันนี้เป็นการตอบคำถามรึเปล่าไม่รู้

Naomi : พี่ศรีถามว่าอะไรนะ

Srisiam : โสดหรือมีเจ้าของครับ

Naomi : โสดค่ะ โสด โสด โสด ... นี่คือคำถามที่ไม่เคยตอบที่ไหนเลย มีคนถามคำถามนี้เยอะมาก เพราะแหวนนี่แหละเป็นตัวจุดประเด็น และนาโอมิตอบในรายการไม่ได้ ยังทำงานอยู่

Srisiam : นอกเหนือจากรู้สถานะแล้ว อยากรู้สเปคมากเลย หนูมีสเปคมั้ย

Naomi : ไม่มีนะ ไม่ได้มีเฉพาะเจาะจงนะ แค่ชอบผู้ชายอายุมากกว่า , ชอบผู้ชายสะอาด ตัวหอม , ชอบคนใจเย็น , ชอบคนพูดเพราะ , ชอบคนที่เข้าใจในการทำงานของนาโอมิ เพราะนาโอมิเป็นคนทำงานเยอะ บางครั้งอาจจะไม่ค่อยมีเวลาว่าง และเป็นคนติด skinship ค่ะ ต้องไม่รำคาญนะเวลาอ้อน

Srisiam : พี่ศรีไปถามผู้หญิงเรื่องสเปคผู้ชายจะได้เรื่องรูปร่างหน้าตาก่อน ส่วนสเปคอันนี้จะเป็นลักษณะเบื้องลึกของเขาเลย

Naomi : ไม่สนเรื่องรูปลักษณ์ภายนอกเลย ถ้าคุยกันแล้วคลิกก็คือคลิก ถ้ายอมให้เราอ้อนได้ก็ดีเพราะนาโอมิเป็นคนขี้อ้อน

Srisiam : ต้องเป็นคนที่อยู่แวดวงการเทรด การลงทุนด้วยมั้ย

Naomi : ไม่ติดเลยว่าจะต้องเทรดรึเปล่า ขอแค่เข้าใจก็พอ เวลาที่เราคุยด้วย หรือไม่เข้าใจก็ได้ แต่รับฟังเราหน่อย แต่ถ้าเทรดก็ดี ช่วยกัน เพราะหนูจะทำตัวแบบ “อันนี้อะไรอ่ะ นี่ทำยังไงอ่ะ ทำให้ดูหน่อย”

Note : นาโอมิไม่เล่น TikTok และอัพ IG story แทบจะทุกวัน

Srisiam : ( คำถามจากทางบ้าน ) อนาคตนาโอมิจะทำ YouTube ด้วยมั้ยครับ

Naomi : อันนี้ยังไม่รู้เลยค่ะ เพราะทุกวันนี้ก็ยุ่งมากแล้วอ่ะ มีหลายอย่างให้ handle ก็ติดตามกันไป เผื่อจะทำ YouTube ให้สื่อสารกับทุกคนได้ง่ายขึ้นหน่อย

Srisiam : พอจบมา เริ่มทำงาน ก็เริ่มเที่ยวแล้วใช่มั้ยครับ

Naomi : เริ่มแล้ว แต่เที่ยวแปปเดียว ใช้เวลาประมาณ 1 - 3 ปีในการเที่ยวเท่านั้นเอง พอทำงานเยอะๆ ก็ไม่เที่ยวแล้ว

Srisiam :  ก็เป็นการบอกเพื่อนๆ ว่าตอนนี้ไม่เที่ยวแล้วนะครับ ใช่มั้ย

Naomi : ก็สบายใจได้นะคะ เป็นเด็กดี เป็นเด็กน่ารัก

Srisiam : ( คำถามจากทางบ้าน ) ช่วงนี้เที่ยวแถวไหนครับ

Naomi : ถามว่ากินหมูกระทะ กินชาบู กินปิ้งย่างแถวไหน ตอบง่ายกว่าอีก เพราะนาโอมิเป็นสายกิน กินเก่งมากนะ

Srisiam : ( คำถามจากทางบ้าน ) ชอบกินชาบูหรือหมูกระทะ

Naomi : ชอบกินทั้งสองอย่างค่ะ แต่กินหมูกระทะบ่อยกว่า ชอบกินแบบปิ้งมากกว่า

Srisiam : ชอบกินอาหารญี่ปุ่นมั้ยครับ

Naomi : ชอบกินอาหารญี่ปุ่นค่ะ เพราะเป็นลูกครี่งญี่ปุ่นไง ของพวกนี้มันอยู่ในสายเลือด

Srisiam : ( คำถามจากทางบ้าน ) นาโอมิพูดภาษาญี่ปุ่นได้ไหมครับ

Naomi : ไม่ได้ค่ะ ... เอาจริงๆนะ พี่กิ๊ฟไปญี่ปุ่นบ่อยขนาดนั้น พี่กิ๊ฟน่าจะพูดภาษาญี่ปุ่นเก่งกว่านาโอมิอีก ... นาโอมิพูดได้แต่ภาษาไทยกับภาษาอังกฤษเท่านั้น

Srisiam : พี่ศรีเห็นคอมเมนต์เยอะมากในเพจของนาโอมิ แล้วมีคนไปตอบด้วย อันนี้คือตอบเองหรือมีแอดมินตอบ

Naomi : ตอบเองสิคะ ตอบเองทุกอันเลย เพราะเขาอุตส่าห์มาคอมเมนต์เราอ่ะ และจุดประสงค์ของเราคืออยากสื่อสารกับแฟนคลับ กับคนที่ติดตามเรา

Srisiam : ( คำถามจากทางบ้าน ) นาโอมิอายุกี่ขวบแล้วครับ

Naomi : 27 ปีค่ะ

Srisiam : ( พูดถึงคอมเมนต์ของเพจโคตรมีมเลย Crypto Meme ) ...

Naomi : ( เพจโคตรมีมเลย Crypto Meme ) อันนี้เขาเป็นยิ่งกว่า FC อีก เขาเป็นหนึ่งในผู้ปั้นนาโอมิขึ้นมาเลย ปั้นเป็นมีม ตอนนี้เริ่มมีคนมาถามว่าจะเป็นสาวน้อยร้อยมีมหรือเปล่า ตอนนี้เริ่มเห็นหน้าตัวเองเป็นมีมตลอดเวลา

Srisiam : ( พูดถึงคอมเมนต์ของเพจโคตรมีมเลย Crypto Meme ) แหม คุณ Srisiam คุณนี่คนแรกเลยนะที่เปิดโลกให้ผม รายการนี้ครั้งแรกเลย

Naomi : อ๋อ ใช่ พี่โคตรมีมเจอหนูครั้งแรกในรายการเทรดเด้อนี้แหละ มีมแรกในชีวิตของนาโอมิคือเขาเอารูปนาโอมิมาแปะเต็มไปหมด ประมาณว่าตาเห็นแต่คนนี้ อะไรทำนองนี้

Srisiam : Super Chat 100 บาท จาก Fun Manager ครับ 

Naomi : อุ๊ย พี่โจ ขอบคุณค่ะ

Srisiam : ( พูดถึงคอมเมนต์ของเพจโคตรมีมเลย Crypto Meme ) ผมตัดคลิปเสยผมให้พี่กิ๊ฟเลย

Naomi : อันนี้ขอพูดส่วนตัวนิดนึง ถ้าไม่มีพี่กิ๊ฟ เพจ Srisiam , พี่โจ เพจ Fun Manager และพี่อ็อตโต้ เพจโคตรมีมเลย Crypto Meme เพจนาโอมิไม่ได้เกิดนะคะ เพราะตัวนาโอมิเองไม่อยากทำเพจ ( ในตอนแรก ) เพราะตัวนาโอมิไม่ค่อยมีอะไรให้อัพเดต หรือไม่รู้จะเอาอะไรมาลงเพจ แต่ทั้ง 3 คนพูดว่าทำเถอะ อย่างน้อยเป็นช่องทางนึงของเรา เป็นช่องทางให้เราได้คุยกับแฟนคลับด้วย นาโอมิก็เลยโอเคทำ และ 3 คนนี้เป็นเรือจ้าง เป็นคนที่นาโอมิปรึกษาเรื่องการทำเพจตลอด ถ้าไม่มีคำปรึกษาจากพี่ๆ 3 คนนี้ เพจนาโอมิไม่เกิดขึ้นแน่นอน

Srisiam : ( คำถามจากทางบ้าน ) มี meeting พบปะแฟนคลับมั้ยครับ

Naomi : ใครจะมา

Srisiam : คิดเหมือนพี่ศรีตอนจัด meetup เลย เชื่อมั้ย ตอนแรกคิดว่าใครจะมา เขาติตดามเรา แต่เขาจะอยากเจอเราแบบตัวเป็นๆ ขนาดนั้นหรอ พี่เชื่อนะ เดี๋ยวหนูจะต้องตกใจว่ามีคนที่เขาอยากเจอเรา มางาน meetup เรา ไม่แน่นะอาจจะตกใจเหมือนพี่ศรีตอนจัดงานนั้น มันทั้งตกใจ มันทั้งดีใจ มันทั้งภูมิใจ ตื้นตันแบบที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน งงมากเลย คนมาตั้ง 300 - 400 คน แต่จองไว้แค่ 80 คน คนมาจนร้านแทบระเบิดเลย

เวลาที่เขาได้ติดตามงานของเรา เขาจะรู้สึกอยากติดตามแง่มุมเรื่องอื่น นี่เป็นสิ่งที่เราจะต้องตัดสินใจในเรื่องการอัพเดตเรื่องอื่นๆ ว่าจะเริ่มทำมั้ย

Naomi : ถ้าคนจะทำแบบนั้น มันต้องเป็น net idol เป็น influencer เป็น something ที่คนติดตามจริงๆ ชอบจริงๆ อย่างเนี้ย มันไม่ใช่ไง

Srisiam : ที่นาโอมิพูดไล่มาทั้งหมดนี้ นาโอมิกำลังเป็นอยู่ แต่อาจจจะไม่รู้ตัว

( คำถามจากทางบ้าน ) ก่อนเป็นพิธีกร ทำงานอะไรมาก่อนครับ

Naomi : นาโอมิทำ marketing agency ด้านการตลาดออนไลน์ 

Srisiam : ( คำถามจากทางบ้าน ) เป็นลูกครึ่งญี่ปุ่นรึเปล่าครับ

Naomi : ใช่ค่ะ เป็นลูกครึ่งญี่ปุ่นค่ะ ชื่อนาโอมินี่คือชื่อจริงๆนะคะ ไม่ได้ตั้งชื่อขึ้นมาเอง

Srisiam : ( คำถามจากทางบ้าน ) ทำไมตอนสัมภาษณ์แขก ( นาโอมิ ) ชอบใส่เสื้อสีดำครับ

Naomi : เป็นคนชอบใส่เสื้อสีดำค่ะ และในตู้ไม่มี ( เสื้อ ) สี ตัวนาโอมิไม่ได้เป็นสาวหวานที่ชอบแต่งตัวสีสดใส ( นาโอมิ ) ชอบสีใส่ง่ายๆ ขาวดำ

Srisiam : ( คำถามจากทางบ้าน ) ถ้ามีโอกาสสัมภาษณ์ใครสักคนในวงการลงทุน นาโอมิอยากสัมภาษณ์ใครครับ

Naomi : ในไทย นาโอมิอยากสัมภาษณ์ 2 คน คือพี่กวี ( กวี ชูกิจเกษม ) และอาจารย์ตั๊ม ( พิริยะ สัมพันธารักษ์ )

Srisiam : เวลาที่นาโอมิสัมภาษณ์แขกที่อาจจะดูขัดใจเรา คำตอบไม่ค่อยถูกใจเรา นาโอมิรู้สึกยังไงครับ

Naomi : คือ ( เรา ) ก็ต้องอดทนแหละ เราไม่ได้ ( รู้สึก ) โมโหอะไรขนาดนั้นนะ เพราะเรารู้อยู่แล้วว่าเราต้องเจออะไร 

Srisiam : ก็เข้าใจนะในจุดที่เราทำงานอยู่ตรงนี้ หน้าที่ของเราคืออะไร เราอาจจะมีมุมองที่แตกต่างกันบ้าง แต่ก็ไม่เป็นไร

Naomi : ใช่ เราเข้าใจเพราะเรารู้ว่าเราคุยกับใคร เราต้องศึกษาแขกก่อนที่จะมาสัมภาษณ์คุยกัน 

……………………

หมายเหตุ : พี่กิ๊ฟกับพี่ศรีคือบุคคลเดียวกันนะครับ

=============
ขอบคุณมือสรุปคนน่ารักประจำเพจ 
คุณเม่าเมารักครับ
#FunManager 
 A good concept idea
#siamstr

เครดิต FB: Meawbin Invester

สรุป หลักคิด ที่ได้มาจากพี่ ๆ เทรดเดอร์
จนผมร้อง อ้อ...................... 
กับการทำ Buy Asset Hedge Asset 
.
=========
สมมุติว่า ...
.
ผมมี "ที่ดิน" ขนาด 1000 ไร่ ที่สามารถแบ่งขายได้ ใจกลางเมืองเล็ก ๆ ซึ่งผมมองว่า ผมจะเก็บมันไว้ให้ลูกหลานอีก 5-10 ปีข้างหน้า และผมไม่สนใจว่าราคาที่ จะขึ้นหรือลง ในช่วง 10 ปีนี้
.
Maximize Profit ที่เป็นไปได้ที่สุด คือ ถือไปเรื่อย ๆ แล้วไปขายในอีก 10 ปีข้างหน้า ถ้าอยากให้ มันแพงขึ้นอีก ก็ต้องถือให้นานขึ้นไปอีก 
.
ปัญหา คือ ระหว่าง 10 ปี จะเอาอะไรกิน แต่เราก็อยาก Maximize Profit ก็ต้องนั่งรอต่อไป (กลยุทธ์ที่ 1)
.
=========
อยู่มาวันหนึ่ง เราเกิดมีไอเดียทำ "กิจการ" เล็ก ๆ เป้าหมายคือ สร้างกระแสเงินสด ใช้จ่าย และอาจจะสนุกจากการทำไปในตัว เป็นงานอดิเรกที่ทำแล้วมีความสุข แต่จะทำแบบจริงจัง
.
ผมจำได้ว่าตัวเองมีที่ดินอยู่เยอะ แปลว่ามีความได้เปรียบ ซึ่งผมสามารถเอาที่ไปค้ำเพื่อเปลี่ยนเป็นเงินทุนในการเริ่ม "กิจการ" หรืออาจจะหาเงินทุนก้อนเล็ก ๆ สักก้อนมาลงเพิ่ม ซึ่งดีกว่าตรงที่เราใช้ทุนน้อย เราทำบนที่ของตัวเอง (มองเป็นกลยุทธ์ที่ 2)
.
"กิจการ" ก็ตั้งใจทำอย่างสุดฝีมือ ความเสี่ยงสูงสุดก็คือ "เจ๊ง" ซึ่งก็อาจจะถึงขั้นต้องแบ่งขายที่ดินบางส่วน สัก 1-2 ไร่ ออกมาใช้หนี้ เพราะ "กิจการ" เราไม่ได้ใหญ่มาก ทำเล็ก ๆ อย่างที่บอก
.
ดังนั้น 
1. เราก็ต้องเต็มที่ และมั่นใจกับ "กิจการ" ของเรา
2. เตรียมตัว ป้องกัน ลด ความเสี่ยง เพราะเราก็ไม่อยาก "ขายที่" แม้จะบางส่วน เช่น ซื้อประกันไว้ Options ไว้
.
ยิ่งนาน ที่ดินผมยิ่งแพงขึ้น
ทำให้ ความได้เปรียบในการทำ ธุรกิจมากขึ้น
ถ้า ธุรกิจเราไปได้ดี เราก็จะมีเงิน ซื้อที่เพิ่มด้วย
.
============
เราแยก ความคิด ออกจากกัน แยกมุมมอง มันคือ คนละเรื่อง เพียงแค่ เราใช้ทรัพยากรที่เรามี ให้อีกส่วนมันทำได้ง่ายขึ้น
.
ถ้าเรา คิดแยก ไม่ได้ ก็ลำบาก
.
.
======
กลับมาเรื่อง "การเทรด"
.
1. ผมมี Asset ที่ ผมมองว่า ถืออีก 10 ปีค่อยขาย (กลยุทธ์ที่ 1)
2. ผมอยาก เทรดทำกำไร สร้างกระแสเงินสด (กลยุทธ์ที่ 2)
.
Asset ที่เก็บ ก็เก็บไป ไม่คิดรวมกัน
เทรดก็เทรดไป ไม่เกี่ยวกัน แต่ผมจะเลือกเทรด Short บน Futures ที่สวนทางกับ Asset เหมือนผมไปทำ "กิจการ" บน "ที่ดินตัวเอง"
.
เราจะต้อง ทำทุกทาง ให้การเทรดของเราอยู่รอด โดยไม่พึ่งพาใคร ดังนั้น ระบบเทรดที่ใช้ ต้องได้รับการทดสอบมาแล้วว่า อยู่รอดได้ ย้ำว่าไม่เกี่ยวกับ Asset ที่เรามี
.
ข้อได้เปรียบที่ผมมีคือ ถ้าผมพลาดจาก "การเทรด" จนเกิดความเสียหาย ผมสามารถ ขาย Asset มาชดเชยความเสียหายได้ แม้จะไม่อยากทำก็ตาม มันก็เหมือนคนที่พลาด แล้วก็กลับไปทำงาน หาเงินมาเติมพอร์ตนั้นแหละ เหมือนกัน
.
Options ก็จะมีส่วนช่วย ให้เวลาที่เรา พลาด เราเสียหายน้อยลง แลกกับค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมเล็กน้อย หรือส่วนแบ่งรายได้จากการเทรดของเรานั่นเอง 
.
.
======
สรุป หลักคิด 
.
- เราต้องแยก ระบบความคิด ให้ออกจากกัน ก่อน
- แน่นอนว่าเทรดพลาด เสีย Asset ใช่ เราจึงต้อง เทรดให้ได้ก่อน ค่อยทำ
- มันเป็นการ ใช้ทรัพยากร ที่เรามี
- เทรดได้ดี แปลว่ามีเงิน แปลว่า Asset ลง แปลว่า ถ้าเราเชื่อว่า Asset จะไปต่อเราเก็บของถูกได้ 
- Options มีไว้ เพื่อ ป้องกันความเสี่ยง เหมือนประกันไฟไหม้ เราไม่ได้ต้องการเคลมประกัน
- ทำ หรือ ไม่ทำ เป็นเรื่อง ส่วนบุคคล
.
.
======
สรุป ขั้นตอน
.
- Buy Asset
- Short Futures 
.
ถ้าอ่านแค่ 2 บรรทัดสุดท้าย คุณจะพลาดอะไรไปเยอะเลย
.
.
=============== 
 อรุณสวัสดิ์สวัสยามสาย

ช่วงนี้เป็... 
 โชคดีมีงูสวัสดิ์🐍🙏❤️‍🔥 
 I am inevitable 🪙💪🫣😂🤫
nostr:nevent1qqsgldu8j08nx9nd9pvwm6rdsfdyxtljmqaawa6pj2nttkxejmm5tpcpz3mhxue69uhhyetvv9ujuerpd46hxtnfdupzpwm88rw9pcnzgscjmslg076leaylygkzvzltuqp49arhlj4nyazfqvzqqqqqqyqye2yw