“รีวิวงาน Bitcoin Tokyo 2024 วันที่ 1“ พอได้เมื...
ดีมากครับ เหมือนได้ไปงานด้วยเลย ละเอียดมาก
Hello Nostr from TBC 2024 #siamstr
ร้าน MK ราคาแพงขึ้นแค่ไหน 16 ปีที่ผ่านมา ### รายการอาหาร ราคาปี 2007 > 2023 ข้าวหน้าเป็ด 50 > 103 (ราคาขึ้นปีละ 4.6%) เป็ดจานใหญ่ 230 > 399 (3%) บะหมี่หยกหมูแดง 47 > 98 (4.7%) ติ่มซำเข่งละ 33 > 60 (3.8%) ปอเปี๊ยะสด 35 > 83 (5.6%) 16 ปีที่ผ่านมา ราคาขึ้นเฉลี่ย +4.4% ต่อปี ### ถ้าราคายังขึ้นปีละ 4.4% ไปเรื่อยๆ ติ่มซำ อีก 10 ปี เข่งละ 100 บาท เป็ดเอ็มเค อีก 20 ปี จานละ 1,000 บาท Do not underestimate the power of compound "inflation" https://m.pantip.com/topic/39574408? https://www.mkrestaurant.com/th/mk-menu
VI ไม่เข้าใจ bitcoin จริงหรือ ??? สืบเนื่องจาก เห็น คลิป และ โพสต์ใน rightshift ล่าสุด แล้วอยากนำเสนอความคิดเห็นบ้างครับ ทำไมคุณควรฟังผม ? เพราะ ผม อยู่กับ ตลาดหุ้น มามากกว่า 10 ปี และ (คิดว่า) เข้าใจทั้ง bitcoin และ VI คำตอบคือ ผมว่าไม่เกี่ยวครับ แค่คนส่วนใหญ่ไม่เข้าใจ ต่อให้ไม่ใช่ VI ก็ตาม VI รู้ว่าเงิน fiat เสื่อมค่า อยู่แล้ว แต่เค้ารู้วิธีเล่นเกม กับระบบปัจจุบัน ให้ชนะ VI คือ ศาสตร์ ประเมิน ธุรกิจ ที่แข็งแกร่ง ในราคาที่เหมาะสม แค่นั้นครับ ฉะนั้น VI ไม่จำเป็นต้องเข้าใจ bitcoin ก็ยังได้ เพราะ VI ก็หา ธุรกิจ ที่เป็น Cash machine ซึ่งสามารถ ผลิต money จาก สินค้า และบริการ ที่ยอดเยี่ยม ได้ ซึ่ง ธุรกิจ แบบนี้ ผมเชื่อว่า ต่อให้ โลก จะหมุนไปทางไหน จะใช้ money เป็นอะไร มันก็ยังอยู่ต่อไปได้ นึกภาพว่า คุณถือ หุ้น AIS TRUE อยู่ ยังไง ก็มีคนใช้บริการ internet มือถือ และบ้าน ต่อให้ โลกเปลี่ยนเป็นmoney ที่ชื่อ bitcoin ยังไง AIS TRUE ก็สามารถ ผลิต money ขึ่นมาได้อยู่ดี หรือ ในหน่วยเล็กๆ เช่น ร้านหมูปิ้งอร่อยๆ ต่อให้โลกเปลี่ยนเป็น bitcoin ยังไง ร้านหมูปิ้ง ก็ขายได้ VI แค่ หา ธุรกิจแบบนี้ ในราคาที่เหมาะสม ถามว่า ราคา ที่เหมาะสม คืออะไร? สมมติร้านหมูปิ้ง ขายได้กำไรปีละ 1 แสนบาท ทุกปี มาต่อเนื่อง 10 ปี แล้วมีคน มาอยากซื้อ ร้าน ต่อจากคุณ ในราคา 1 ล้านบาท คุณจะขายมั้ย ? (หรือ คิดเป็น P/E 10 เท่า) น่าสนใจมั้ยครับ ? ผมว่าทั้งฝั่ง ผู้ซื้อ และ ผู้ขาย ก็คงคิดหนักทั้งคู่ นั่นคือ ศาสตร์ VI จะมาช่วยคิด ด้วยหลักการทางการเงิน ต่างๆ เช่นมองไปข้างหน้า คิดว่า ร้านหมูปิ้ง จะมีกำไร (หรือ กระแสเงินสด) ในปีที่ T+1, T+2 ไปเรื่อยๆ จนถึงปีที่ T+n จะเติบโตขึ้นเรื่อยๆ รึเปล่า ร้านหมูปิ้ง ร้านนั้น จะกลายเป็นที่รู้จักมากขึ้นเรื่อยๆ ขยายสาขาไปเรื่อยๆ คนติดแบรนด์ มั้ย มีทีมผู้บริหารที่ยอดเยี่ยมมั้ย ฯลฯ ฝั่งคนขายกิจการืก็คิดหนัก เพราะไม่รู้ว่า ได้เงิน 1 ล้านบาท แลกกับ กำไรปีละ 1 แสนบาท จะคุ้มมั้ย แล้วจะเอาเงินที่ได้ ไปทำให้ ที่ ผลตอบแทนดีกว่า เป็นต้น VI ก็รู้ว่า มูลที่แท้จริง ไม่มีอยู่จริงครับ เค้าแค่หา Fair value หาราคา ซื้อขายกิจการ ที่เหมาะสม ราคา ที่ ยุติธรรม โดยหาการ คิดลดกระแสเงินสด หรือ วิธี เปรียบกับ ราคาซื้อขายของมันในอดีต หรือ เทียบกับ บริษัมที่มี ธุรกิจใกล้เคียงกัน ถ้าจะบอก หุ้น ในปัจจุบัน แพง ก็เฉพาะ แค่บางประเทศ อย่าง USA ครับ แต่หลายประเทศ ตอนนี้ก็ถูกมากๆ แล้ว อย่าง เมืองจีน ที่หุ้นลงมามากกว่า -50% แล้ว หุ้นขนาดใหญ่ๆ เทรด PE ไม่ถึง 10 เท่า แล้วด้วยซ้ำ (เทียบกับ ไทย เฉลี่ย 15x กับ สหรัฐ 20x) ซึ่ง VI ที่ success ในปัจจุบัน เค้าเสาะหา ที่กิจการที่ดี ไปทั่วโลกครับ ไปลงทุน ที่ เวียดนาม จีน อินโดนีเซีย มีโอกาสที่ ราคาหุ้นถูกๆ เต็มไปหมด สรุป ผมว่า VI ที่success จริงๆ เค้าไม่ต้องมานั่งคิดหรอกครับ ว่าmoney จะเป็นสกุลอะไร เค้าแค่หา business ที่ยอดเยี่ยม และยั่งยืน แค่นี้ก็ ร่ำรวย มหาศาลแล้วครับ
ภาคธุรกิจ ไม่มีใคร ใช้ bitcoin กัน ... จริงหรือ ? คำตอบ คือ ไม่จริง เพราะ ปัจจุบันมี 71 Entities ถือ bitcoin รวม 2,574,513 bitcoin คิดเป็น 12.3% ของ total supply และคิดเป็นมูลค่า $183.3bn 71 Entities คือรวม ETFs, Countries, Public companies, Private companies, BTC mining companies, Defi แต่ ถ้านับเฉพาะ Public companies ถืออยู่ 312,154 bitcoin วัตถุประสงค์ หลักๆ หนีไม่พ้น treasury strategy อย่าง microstrategy tesla รองลงมา คือพวก mining กับexchange ที่ต้องถือ สำหรับ operation BTC holdings in publicly traded and private companies, ETFs and countries
How to กล่อมให้ ChatGPT กินยาส้ม .... **ถาม: ทำไมเงินถึงมีค่า?** **ตอบ:** เงินมีค่าจากการเป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยน, หน่วยในการวัดมูลค่า, และการรักษามูลค่า โดยได้รับการสนับสนุนจากกรอบกฎหมายและความเชื่อมั่นในเศรษฐกิจ **ถาม: แต่วันนี้เงินเป็นแค่กระดาษ ดังนั้นมันไม่หายาก ดังนั้นวันนี้เงินสามารถ ใช้เก็บรักษามูลค่า แล้วทำไมเรายังเรียกมันว่าเงิน?** **ตอบ:** แม้ว่าเงินในปัจจุบันจะไม่มีมูลค่าในตัวเอง แต่มันทำหน้าที่เป็นเงินเพราะได้รับการยอมรับเป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยน, หน่วยในการวัดมูลค่า โดยมีสถานะตามกฎหมาย, การควบคุมปริมาณ, และความเชื่อมั่นของประชาชน **ถาม: ถ้าการควบคุมปริมาณเงินในปัจจุบันทำได้ ทำไมบางประเทศเช่นเวเนซุเอลาหรือซิมบับเวถึงประสบกับภาวะเงินเฟ้อรุนแรง?** **ตอบ:** ภาวะเงินเฟ้อรุนแรงเกิดจากการพิมพ์เงินมากเกินไป, การสูญเสียความเชื่อมั่น, การล่มสลายทางเศรษฐกิจ, และการจัดการนโยบายการเงินที่ไม่ดี **ถาม: เงินในประเทศเหล่านั้นยังสามารถเรียกว่าเงินได้หรือไม่?** **ตอบ:** ในภาวะเงินเฟ้อรุนแรง สกุลเงินท้องถิ่นมักล้มเหลวในการทำหน้าที่เป็นเงิน ทำให้ผู้คนใช้ทางเลือกอื่นเช่นสกุลเงินต่างประเทศหรือระบบแลกเปลี่ยนสินค้า **ถาม: ฉันไม่เห็นด้วยกับรูปแบบการเงินทางเลือกของคุณ การแลกเปลี่ยนสินค้ามีประสิทธิภาพต่ำที่สุดสำหรับระบบการค้าโลกในปัจจุบันใช่ไหม? ฉันคิดว่าการใช้สกุลเงินต่างประเทศก็ไม่ดีเช่นกันเพราะมูลค่าของมันขึ้นอยู่กับนโยบายของประเทศนั้น ๆ ทั้งทางการคลังและการเงิน ซึ่งมีแนวโน้มจะใช้เพื่อประโยชน์ของตัวเอง** **ตอบ:** ถูกต้อง การแลกเปลี่ยนสินค้าไม่มีประสิทธิภาพ และการใช้สกุลเงินต่างประเทศขึ้นอยู่กับนโยบายของประเทศอื่น ดังนั้น ฉันแนะนำ ทางเลือกอื่นรวมถึงการใช้สกุลเงินดอลลาร์, กระดานเงินตรา, สกุลเงินคริปโตที่เสถียร, และสหภาพเงินตราภูมิภาค **ถาม: ถ้าคุณสามารถเลือกได้เพียงวิธีเดียว คุณจะเลือกอะไร?** **ตอบ:** ฉันจะเลือกการใช้สกุลเงินดอลลาร์เพื่อสร้างเสถียรภาพทันทีโดยใช้สกุลเงินต่างประเทศที่เสถียร แม้จะมีข้อแลกเปลี่ยนเช่นการสูญเสียอำนาจการเงิน **ถาม: คุณเลือกใช้ สกุลเงินดอลลาร์ แม้ว่าเฟดจะมีแนวโน้มเพิ่มปริมาณเงินไม่จำกัดซึ่งเป็นประโยชน์ต่อคนอเมริกาเท่านั้น คุณต้องการเปลี่ยนใจไหม?** **ตอบ:** เมื่อพิจารณานโยบายของเฟดแล้ว กระดานเงินตรา (currency board) เป็นทางเลือกที่สมดุลกว่า โดยรักษาสกุลเงินของประเทศที่มีการสนับสนุนด้วยทุนสำรองต่างประเทศ ทำให้มั่นคงและมีการควบคุมในระดับหนึ่ง **ถาม: ดอลลาร์มักเป็นสัดส่วนสำคัญในทุกตะกร้า ฉันไม่เห็นความแตกต่างกับการใช้สกุลเงินดอลลาร์ คุณต้องการเปลี่ยนใจไหม?** **ตอบ:** ในกรณีนี้ การใช้สกุลเงินคริปโตที่กระจายศูนย์สูง อาจเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับความเป็นอิสระและเสถียรภาพ **ถาม: มีสกุลเงินคริปโตที่กระจายศูนย์สูงอะไรบ้าง ที่ดำเนินการโดยอิสระจากหน่วยงานหรือคนกลางไหม?** **ตอบ:** มี เช่น Ethereum, Litecoin, Monero, Cardano, และ Polkadot แต่ Bitcoin ยังคงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับความปลอดภัย, การกระจายศูนย์, และการยอมรับทั่วโลก **ถาม: ถ้าคุณสามารถเลือกได้เพียงหนึ่ง** **ตอบ:** เมื่อพิจารณาถึงความปลอดภัย, การกระจายศูนย์, การยอมรับอย่างกว้างขวาง และประวัติที่พิสูจน์ได้ Bitcoin (BTC) เป็นทางเลือกที่ดีที่สุด จบ ............ ปล. ตอนคุยใช้ภาษาอังกฤษ คุยกับ ChatGPT เลยแปลออกมาเป็นภาษาไทย แปลกๆ หน่อยนะครับ .... จริงๆ คุยกันยาวกว่านี้ แต่ตัดตอน มาให้ดู สั้นๆ
เงินเฟ้อ อ่อนๆ เป็นประโยชน์จริงๆ หรือ? พอดีเมื่อเช้า อ่านเจอประโยคนึง แล้วรู้สึกว่า จริง "ถ้า ราคาสินค้า และ รายได้ เพิ่มขึ้น เท่าๆ กัน มันจะไม่มีผลกระทบ อะไรเลย แต่ การที่ราคาสินค้า และ รายได้ เพิ่มขึ้น ไม่เท่าเทียมกัน จะมีคนจำนวนมาก สูญเสีย และ มีบางคน ที่ได้ประโยชน์" กล่าวโดย นาย เออร์วิง ฟิชเชอร์ (Irving Fisher) นักเศรษฐศาสตร์ ชื่อดัง "If all prices and incomes rose equally, no harm would be done to any one. But the rise is not equal. Many lose and some gain." https://en.wikisource.org/wiki/Stabilizing_the_Dollar/Summary_by_Sections เพราะ ราคาสินค้า และ รายได้ ในโลกยุคปัจจุบัน มันไม่ได้ ขึ้นอย่างเท่าเทียมกัน จนเกิดความเหลื่อมล้ำ หนักไปกว่านั้น คือ คนที่ผลิตเงินได้ ยิ่งรายได้ เพิ่มขึ้นเร็วกว่าคนอื่น ราคาสินค้า ที่คนพวกนี้ใช้ ก็จะเพิ่มขึ้นเร็วกว่าสินค้าชนิดอื่น คนที่รายได้น้อย รายได้เพิ่มขึ้นน้อย เจอราคาสินค้าที่ขึ้นมาแล้ว ก็ยิ่ง จนลง ๆ ส่วน จะบอกว่ามีเงินแล้ว ธุรกิจ จะอยู่ได้ แต่ทำไม พวกบริษัท ผลิตมือถือ เห็น ราคา มือถือ เทียบกับคุณภาพ ถูกลงๆ แต่ ยอดขาย เพิ่มขึ้นๆ ตลอด แปลว่า มันไม่เกี่ยวกันไหม สุดท้าย ถ้าโลกไม่มีเงินเฟ้อ ธุรกิจ ก็ไม่ต้องขึ้นค่าแรงพนักงาน แต่สินค้าราคาถูกลงเรื่อยๆ คนก็จะรวยขึ้นอยู่ดี
การแลกเงินระหว่างประเทศ สมัยยุค 1800 แฟร์ กว่ายุคปัจจุบันเยอะ !!! ไทย สมัย รัชกาลที่ 3 ปี 1800-1850 ใช้ เงินพดด้วง ซึ่ง เงินพดด้วง ทำมาจาก เงินบริสุทธิ์ (Silver) น้ำหนัก 1 บาท หรือ หนัก 15.244 กรัม (ไม่เหมือน เงิน fiat ทุกวันนี้ ที่เป็นตัวเลขดิจิตัล ใน app ธนาคาร และ/หรือ กระดาษ) สมัยนั้น เวลา ไทย จะซื้อขาย สินค้ากับ ต่างประเทศ , ไทยจะแลกเปลี่ยน เงินพดด้วง กับ ดอลลาร์สเปน ซึ่ง ดอลลาร์สเปน ใน สมัยนั้น ถูกใช้เป็น ราคากลางของเงินตราทุกสกุล ดอลลาร์สเปน ในสมัยนั้น ก็ทำมาจาก เงินบริสุทธิ์ (Silver) เช่นเดียวกับ เงินพดด้วง แต่มีน้ำหนัก เยอะกว่า อยู่ที่ 27 กรัม (เงินพดด้วงหนัก 15.244 กรัม) โดย วิธีการแลกเปลี่ยน เงินระหว่างประเทศ สมัยนั้น จะใช้ ราคาเทียบตามน้ำหนักโลหะเงิน ตัวอย่างเช่น เงิน 1 ดอลลาร์สเปน มี silver หนั https://image.nostr.build/632c516312626a3b134da8eac04c4249a7430c252fb6713c77456f3f53a2bd37.jpg ก 27 กรัม ส่วน เงินพดด้วง 1 บาท มี silver หนัก ประมาณ 15 กรัม โดย รัฐบาลสยามจะให้ราคา ดอลลาร์สเปน เหรียญละ 2 บาท (2 พดด้วง) เป็นต้น ที่น่าสนใจ มากๆ ในบทความ คือ แม้ว่า ดอลลาร์สเปน จะ ราคากลางของเงินตราทุกสกุล ในยุคปี 1700-1900 แต่ว่า ดอลลาร์ สเปน ไม่ได้ มีค่า เพราะ ความเข้มแข็งของรัฐบาลสเปน เพราะ ช่วงนั้น สเปน สูญเสีย อาณานิคม ไปเป็นจำนวนมาก แต่ที่ ดอลลาร์สเปน ถูกใช้เป็นราคากลาง และ มีเสถียรภาพ กลับเป็นเพราะ พ่อค้าทั่วโลกตกลงกันเอง จนอาจเรียกได้ว่า ดอลลาร์สเปนเป็นเงินตราที่ไม่มีสัญชาติก็ได้ ไม่เหมือนยุคปัจจุบัน ที่เงินจะมีค่า ก็ต่อเมื่อรัฐบาล ให้คำมั่นสัญญา (promise) ว่ามันมีค่า พอรัฐบาลประเทศนั้นๆ บริหารประเทศล้มเหลว ค่าเงินประเทศนั้นก็ร่วงเละเทะ นอกจากนี้ สมัยนั้น กรุงเทพฯ ยังเป็นเมืองท่าที่รู้จักกันดีในหมู่พ่อค้าชาวอินเดียและจีน พวกเขาจะนัดพบปะเจรจาต่อรองราคา ซื้อขายล่วงหน้า ให้สินเชื่อ และจบลงที่การชำระหนี้สิน สะท้อนว่า การให้สินเชื่อ ก็ยังมี ในยุคที่เงินมีจำกัด ดังคำพูดที่ว่า Banking is necessary, banks are not ยุคนั้น ราคาเงินพดด้วง ไม่ได้ขึ้นกับ ปริมาณ แร่ silver เท่านั้น แต่ยังขึ้นกับราคาตลาด ด้วย ถ้าสภาพเศรษฐกิจดี ราคาเงินพดด้วงจะมี premium มากกว่า น้ำหนัก silver แต่ถ้าสภาพเศรษฐกิจไม่ดี ราคาก็ลดลง discount ราคากลางได้ น่าจะคล้าย bitcoin ที่ แต่ละ sat อาจจะมีค่าไม่เท่ากัน ถูกเอาไปทำเป็น ordinal , brc-20 ฯลฯ เป็นต้น โดยสรุปคิดว่า ในยุคที่ Money ใช้มาตรฐาน precious metal ผมว่ามันตรงไปตรงมา เข้าใจง่ายกว่ายุคปัจจุบันเยอะ ซึ่งbitcoin ก็มีคุณสมบัตินั้น แถมดีกว่าด้วยครับ Source : https://www.silpa-mag.com/history/article_71456 https://www.blockdit.com/posts/6401f91059fe22915e044dcc ป.ล.หาก ชอบ ขอกำลังใจ เป็นค่าอาหารแมว เป็น bitcoin ผ่าน Lightning network ครับ 😂 Address (wallet of satoshi) : lnurl1dp68gurn8ghj7ampd3kx2ar0veekzar0wd5xjtnrdakj7tnhv4kxctttdehhwm30d3h82unvwqhhgmmsd93kzmrpvde8jmrfvv6rjl00tm3
คนเงินเดือน 100,000 บาท ไม่ได้รวย เหมือนในอดีต อีกต่อไปแล้ว .... สมัยเด็กๆ 10-20 ปีที่แล้ว เราจะคิดกันว่า คนเงิน หลักแสน คือ เทพ คือ โคดเก่ง โคดรวย แต่ความเป็นจริง คือ คนเงิน 100,000 บาท ทุกวันนี้ หากคิดด้วยอัตราเงินเฟ้อ 5% .... แล้วย้อนกลับไป 10 ปีที่แล้ว คุณ จะมี purchasing power หรือ อำนาจในการจับจ่ายใช้สอย เท่ากับ คนเงินเดือน 61,391 บาท ย้อนหลับไปไกลกว่านั้น เทียบกับ เมื่อ 20 ปีที่แล้ว คุณจะเท่ากับ คนเงินเดือน 37,689 บาท !!!!! สรุป คือ คนเงินเดือน 100,000 บาท ในปัจจุบัน เท่ากับ คนที่เงินเดือน 30,000 กว่าบาท ในอดีต เท่านั้น !!!! แล้ว ถ้า เราอยากมี purchasing power เท่ากับ คนเงินเดือน 100,000 บาท เมื่อ 20 ปีที่แล้ว เราต้องมีเงิน เท่ากับ 100,000*1.05^20 = 265,330 บาท !!!! แปลว่า ปัจจุบัน คุณต้องมีเงินเดือน 265,330 บาท แล้ว หลายคน ก็จะติงว่า เห้ย เงินเฟ้อไทย ที่ ภาครัฐ รายงาน จริงๆ เฉลี่ยแค่ 2% ต้องบอกว่า ตัวเลขมันต่ำเกินไปครับ ด้วยน้ำหนักของสินค้าในตะกร้าเงินเฟ้อ ที่ คนทั่วไป ไม่ได้ใช้ตามนั้นเลย รวมถึงเทคนิค ต่างๆ ที่ภาครัฐ ทำให้เงินเฟ้อ ที่รายงาน ต่ำกว่าความเป็นจริง แต่สมมติ ให้ เงินเฟ้อ 2% จริง คนเงินเดือน 100,000 บาททุกวันนี้ ก็เทียบเท่ากับ คนเงินเดือน 67,000 บาท เมื่อ 20 ปีที่แล้ว เท่านั้น เหมือนกัน สิ่งที่อยากสื่อคือ อย่าให้ ภาพจำ ในอดีต มาหลอกตาเราครับ เมื่อคนพูดกันว่า คนนูู้น คนนี้ เงินเดือน เกินแสน มันไม่ได้เยอะแล้วครับ มันเท่ากับคนเงินเดือน 3-4 หมื่นบาท ในยุคพ่อแม่เราครับ นี่คือ ธรรมชาติ ของยุค global fiat currency ที่สามารถ money printing ได้ และ รัฐบาล มี bias ที่จะ สร้างเงินเพิ่ม เพื่อ ฐานคะแนนเสียงทางการเมือง และ ลดภาระหนี้สินในอนาคต และ มันจะเป็นแบบนี้ ต่อไปเรื่อยๆ ในอนาคต จนกว่าทุกอย่างจะพังครับ แต่เราควรจะมีสติ และ รู้ว่าอะไร กำลังจะเกิดขึ้นกับเรา ครับ ขอบคุณครับ ป.ล.หาก ชอบ ขอกำลังใจเป็น bitcoin ผ่าน Lightning network เท่านั้น (เป็น address นี้ หรือ รูป ก็ได้) ไม่รับ shitcoin หรือ fiat ครับ Address (wallet of satoshi) : lnurl1dp68gurn8ghj7ampd3kx2ar0veekzar0wd5xjtnrdakj7tnhv4kxctttdehhwm30d3h82unvwqhhgmmsd93kzmrpvde8jmrfvv6rjl00tm3
Bitcoin ไม่แตกต่างอะไรกับ พระเครื่อง จริงหรือ ??? หลายคนคิดว่า bitcoin มีค่า เพราะ คนเชื่อ คนศรัทธา มันจึงมีค่า ไม่ต่างอะไรกับ พระเครื่อง ส่วนตัวคิดว่า ไม่จริง..เพราะ สิ่งที่แตกต่างกัน ระหว่าง bitcoin กับ ของสะสม แบบ พระเครื่อง คือ (1) bitcoin ผลิตขึ้นมาได้ แบบจำกัด แต่ พระเครื่อง ผลิตได้ไม่จำกัด (2) bitcoin ไม่มีใคร เป็นเจ้าของ แต่ พระเครื่อง จะมี คนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง เป็นเจ้าของ เสมอ (3) bitcoin ส่งไปให้ใคร ที่ไหนในโลก ก็ได้ แต่ พระเครื่อง ส่งไม่ได้ (4) จตุคาม ไอ้ไข่ บูชาเทพ มีมูลค่า เพราะ ความศรัทธา ว่า ได้ครอบครองแล้วจะมีอำนาจศักดิ์สิทธิ์ + ซื้อเก็งกำไร + ได้ระลึกถึงพระพุทธเจ้า (ไม่ได้ลบหลู่นะครับ ส่วนตัว ก็มี) ส่วน bitcoin คือ นวัตกรรม ที่สามารถเป็น เงิน(money) ทางเลือก ที่ไม่ถูกควบคุมด้วยภาครัฐ เหมือน USD หรือ THB ได้ (5) ความศรัทธา อย่างเดียว มันไม่ยั่งยืน แต่วัตถุ นั้นๆ จะต้องทำประโยชน์ได้จริงๆ ไม่งั้น มันจะมีมูลค่าแค่ชั่วคราวแล้วหายไป เหมือน จตุคาม แต่ bitcoin ให้ ประโยชน์ กับ คนที่ต้องการ ระบบ เงิน (money) ทางเลือก และไม่ไว้ใจ เงิน ที่อยู่ในมือของ รัฐบาล ///// ส่วน ส่วนเงิน fiat อย่าง เงินบาท ดอลลาร์ มีค่าได้ เพราะ กฏหมายสั่งให้มีมูลค่า ก็จริง แต่จริงๆ มันก็อาจเป็นแค่ ภาพลวงตา เพราะ สมมติคนทั้งประเทศ แห่ถอนเงิน จาก ธนาคารพาณิชย์ รับรองว่า เจ๊ง กันทั้งประเทศ แบบนี้ ก็ถือว่า เงิน fiat มีค่า แค่ เพราะความศรัทธา เหมือนกัน มั้ย? อนึ่งมูลค่าตลาดพระเครื่องในไทย ต่ำกว่า 1 แสนล้านบาท เทียบกับ บิทคอย 35 ล้านล้านบาท นี่ เพราะ คุณประโยชน์ เทียบกันไม่ได้ ไม่ใช่เพราะ bitcoin มี ความศรัทธา มากกว่า (ย้ำอีกที ว่า ไม่ได้ลบหลู่) และ เอาจริงๆ คือ มันคนละหน้าที่ คนละ asset เปรียบเทียบกันไม่ได้ ป.ล.หาก ชอบ ขอกำลังใจเป็น bitcoin ผ่าน Lightning network เท่านั้น (เป็น address นี้ หรือ รูป ก็ได้) ไม่รับ shitcoin หรือ fiat ครับ Address (wallet of satoshi) : lnurl1dp68gurn8ghj7ampd3kx2ar0veekzar0wd5xjtnrdakj7tnhv4kxctttdehhwm30d3h82unvwqhhgmmsd93kzmrpvde8jmrfvv6rjl00tm3
รู้หรือไม่ ไทย เคยเจอ hyperinflation มาแล้ว ... สงครามโลกครั้งที่ 2 ทำให้ ภาวะเงินเฟ้อที่หนักหน่วงที่สุดของไทย Inflation ไทย ยุค 1930 ราคา ฝ้าย / น้ำตาล ขึ้น 29x / 39x ใน 10 ปี หรือ คิดเป็น เงินเฟ้อ 40-45% ต่อปี !!! สาเหตุ คือ 1. ญี่ปุ่น บังคับไทยร่วมสงคราม มาตั้งฐานทัพในไทย ขอส่วย ขอเงิน จากรัฐไทย เยอะมาก 2. ญี่ปุ่น กึ่งบังคับ ให้ค่าเงินเยน แข็งค่าขึ้น เทียบ ค่าเงินบาท ทันที 36% (จากเดิม เงินบาท สมัยนั้น ผูกกับเงินปอนด์ของอังกฤษ) 3. พอเงินเยนแข็งค่า ญี่ปุ่น พิมพ์ jpy มาไล่ซื้อ สินค้า และบริการ ของ ใน ไทย ทำให้เงินเฟ้อ เพิ่มขึ้นสูง 4. ไทยเกิด Fiscal defitcit เยอะมาก เพราะ ใช้จ่ายกับสงคราม เยอะ แต่ รายได้ลดลง ทำให้ ต้องรัฐไทย ต้องใช้เงินคงคลังและกู้เยอะขึ้น จนทำให้ money supply เพิ่ม และ ค่าเงินอ่อนค่า ขอบคุณแหล่งที่มา ของบทความ คุณหาข้อมูลได้ดีมากๆ ครับ https://www.investerest.co/economy/thailand-with-world-war-ii/ เปรียบเทียบกับ โลกยุคปัจจุบัน นักล่า มันเปลี่ยนจาก ญี่ปุ่น ไปเป็น สหรัฐฯ แต่สหรัญ ใช้วิธีที่ไม่โจ่งแจ้ง และเนียนกว่า ญี่ปุ่น ในการเข้ามาสูบเลือดสูบเนื้อ ประเทศไทย (จริงๆ ต้องบอกว่า โดนกันทั้งโลก) หลังสงครามโลกครั้งที่สอง ญี่ปุ่นแพ้สงคราม สหรัฐ ขึ้นมาปกครองโลก สร้างระบบการเงินที่ตัวเองได้เปรียบ ทำให้ทุกประเทศ ต้องตั้งธนาคารกลาง และใช้ USD เป็นสำรอง เลิกมาตรฐานทองคำ หลอกให้ทุกประเทศ ต้องเปิดประเทศ แปรรูปรัฐวิสาหกิจ เปิดตลาดหุ้น เข้ามาฮุบกิจการ ด้วยเงินที่สร้างง่าย แต่ทุกอย่างทำแบบค่อยเป็นค่อยไป จนเหยื่อแบบเรา แทบไม่รู้ตัว และยกย่อง สหรัฐ ด้วยซ้ำ นึกภาพ คนสมัยก่อน อาจจะถึงขั้นทำสงคราม แย่งชิง ที่ดิน หรือแรงงานทาส แต่ทุกวันนี้ สหรัฐ สามารถ พิมพ์เงิน เข้าไปซื้อที่ดิน ซื้อแรงงาน ได้อย่างไม่จำกัด หรือ ออกแนวลามก หน่อย บางที ทำสงคราม แล้วมีการข่มขืน แต่เดี๋ยวนี้ โสเภณี ก็คือเต็มใจ ด้วยซ้ำ และกับเงินกระดาษที่พิมพ์มา สิ่งที่อยากสื่อ คือ สมัยก่อน นักล่า อย่างญี่ปุ่น ล่าเหยื่อ แบบตะกระตะกราม มาก ในขณะที่ สหรัฐ ล่าเหยื่อ ด้วยวิธีการที่เนียนสุดๆ หรือแย่ไปกว่านั้น ถ้าหากสงคราม เกิดอีกครั้งในบ้านเราอีกครั้ง ไทย ก็อาจถูก สูบเลือดสูบเนื้ออย่างรวดเร็ว เหมือนสมัยที่ ญี่ปุ่นทำกับไทย ช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง จนทำให้ไทย เจอ hyperinflation และค่าเงินบาท เสื่อมค่าอย่างรวดเร็วได้ สรุปคือ เราต้องรู้ทัน ซึ่งผมเชื่อว่าทุกคนในห้องนี้รู้ทันอยู่แล้ว และต้อง exit ให้ได้ด้วยการถือ hard asset ที่ดิน ทองคำ บิทคอย แบบที่จารย์ตั๊มบอก แต่ส่วนตัว ขอเพิ่ม ที่ดิน ขอให้เป็นที่ดินที่สามารถทำการเกษตรได้ เพราะ การผลิตของกินเองได้ จะป้องกันเงินเฟ้อได้ดีที่สุด หรือ ขอเพิ่ม หุ้นคุณภาพ ในราคา valuation ที่เหมาะสม เพราะแม้แต่ในประเทศ ตุรกี หรือ อาเจนตินาร์ ที่เจอเงินเฟ้อ มโหฬาร ก็ยังมีหุ้นที่ขึ้นสูงๆ ได้ ทุกครั้ง ขอบคุณครับ ป.ล.หาก ชอบ ขอกำลังใจเป็น bitcoin ผ่าน Lightning network เท่านั้น (เป็น address นี้ หรือ รูป ก็ได้) ไม่รับ shitcoin หรือ fiat ครับ
เปรียบเทียบการโอนเงินระหว่างประเทศในระบบ fiat กับ bitcoin รีวิวโอนเงิน $10,000 จากอเมริกากลับไทย เข้า ธ.กรุงไทย โอนผ่าน Bank of America | MOD MOM WOW https://www.youtube.com/watch?v=wPa6hvg3XZ4&t=619s - โอนเงิน US > TH ใช้เวลา 2 วันทำการ (ติดวันหยุด ก็ใช้เวลาเพิ่ม หรือ ถ้าเสี่ยง ปปง. ก็โดนตรวจสอบ ใช้เวลาเพิ่มอีก) - โดนถาม ชื่อ นามสกุล ผู้ส่ง ผู้รับ วัตถุประสงค์การโอน ทุกอย่าง - ค่าโอน 45 USD เกือบ 1,600 บาท เป็น fixed fee แปลว่า ถ้าโอนแค่ 50,000 บาท ก็โดน fee 3.2% แล้ว - โอนไปบางประเทศ ที่ US แบนไม่ได้ เช่น อิหร่าน, รัสเซีย ฯลฯ - ในคลิป คือ โอน online ลำบาก กรอกรายละเอียดเยอะมาก เลยต้องเดินทาง ไป ทำธุรกรรม โอนที่สาขา เปรียบเทียบกับ bitcoin ผ่าน lightning network เดี๋ยวนี้ scan QR code กริ๊กเดียว จบ ไม่ต้องเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล ไม่โดนตรวจสอบ เงินไปถึงทันที หรือ ถ้าทำผ่าน onchain ก็แค่รอ final settlement แค่ 10 นาที (vs ในคลิป ใช้เวลา 2 วัน เป็นอย่างน้อย) ป.ล.หาก ชอบ ขอกำลังใจเป็น bitcoin ผ่าน Lightning network เท่านั้น (เป็น address นี้ หรือ รูป ก็ได้) ไม่รับ shitcoin หรือ fiat ครับ Address (wallet of satoshi) : lnurl1dp68gurn8ghj7ampd3kx2ar0veekzar0wd5xjtnrdakj7tnhv4kxctttdehhwm30d3h82unvwqhhgmmsd93kzmrpvde8jmrfvv6rjl00tm3
อธิบาย ทำไม มี คนเอา บิลค่าไฟฟ้า หรือ บิลมือถือ หรือ บิล บัตรเครดิต ไปให้คนอื่นจ่ายให้ กับ shopee pay แบบเข้าใจง่ายๆ สมมติ เรา ต้องจ่ายหนี้บัตรเครดิต รายเดือน เดือนนี้ 50,000 บาท เรา สามารถหาคนที่ใช้ shopee pay มาจ่าย ค่าบัตรเครดิต แทนเราได้ สมมติ ว่าคนนั้นชื่อ นาย A (1) เราโอนเงิน ตามปกติ ให้ นาย A ไป 47,000 บาท ก็พอ ได้เลย จะผ่าน พร้อมเพย์ หรือบัญชีธนาคารอะไรก็แล้วแต่ (2) โดย นาย A ไปกู้ shopee pay 50,000 บาท เพื่อไปชำระบัตรเครดิต 50,000 ใหเรา (3) จากนาย A ก็เป็นคนผ่อนชำระ shopee pay เป็นระยะเวลา 2-12 เดือน (4) สรุป เราจ่ายค่าบัตร เดือนนี้แค่ 47,000 บาท ส่วน บริษัทบัตรเครดิต ได้รับชำระ ครบ 50,000 บาท จาก shopee pay เหลือแค่ นาย A ที่ต้องผ่อนชำระ คืน shopee pay นาย A จะได้เงินก้อน 47,000 บาท ไปใช้ทันที แม้ว่าจะมี ภาระหนี้ เพิ่มขึ้นมา 50,000 บาท ก็ตาม แต่ก็ยังคุ้มค่า กว่าไปกู้จากช่องทางอื่น Shopee pay later มันมีโปรด้วยมั้ง ผ่อนจ่ายดอกเบี้ย 0% นาน 5 เดือน ก็ยิ่งคุ้มไปใหญ่เพราะสินเชื่อนอกระบบ คิดดอกเบี้ยไม่ต่ำกว่า 20% ต่อเดือน หรือ 240% ต่อปี !!! ป.ล. หาก ผมเข้าใจ แก้ไขได้เลยนะครับ ป.ล.2 หาก ชอบ ขอกำลังใจเป็น bitcoin ผ่าน Lightning network เท่านั้น ฮะ (เป็น address นี้ หรือ รูป ก็ได้) ไม่รับ shitcoin หรือ fiat ฮะ Wallet of satoshi address : lnurl1dp68gurn8ghj7ampd3kx2ar0veekzar0wd5xjtnrdakj7tnhv4kxctttdehhwm30d3h82unvwqhhgmmsd93kzmrpvde8jmrfvv6rjl00tm3
ขอนำเสนอ investment thesis ของ bitcoin (ทำไมต้องมี) (1) ประเทศเกิดใหม่ Emerging Market (EM) กำลัง พัง ทั้งโลก (ความเหลื่อมล้ำในโลก มันมากขึ้นเรื่อยๆ ประเทศที่รวยยิ่งรวย แต่ประเทศที่จน ยิ่งจนลง) สกุลเงินประเทศตัวเอง ตกต่ำ เช่น เงินกีบ เงินลิรา ฯลฯ เลยต้อง เปลี่ยนมาใช้ สกุลเงินของประเทศอื่นเช่น USD CNY RUB แต่ก็เหมือนหนีเสือปะจระเข้ เพราะ การใช้สกุลเงินพวกนี้ ทำให้ ประเทศ EM ต้องไปเชื่อใจ พึ่งพาประเทศ นั้นๆ ซึ่งท้ายที่สุดแล้ว อาจมีบางประเทศ อยากเปลี่ยนมาใช้ ทองคำ เพื่อใช้เป็นเงิน แต่สุดท้าย ก็รู้ตัวว่า ใช้แลกเปลี่ยนระหว่างประเทศได้ยากมาก และทำให้เกิด ปัญหา Centralized ตามมา ทำให้สุดท้าย อาจเริ่มนึกถึง สกุลเงินอื่น เช่น btc มากขึ้นเรื่อยๆ (2) การขึ้นดอกเบี้ยให้อยู่ในระดับสูงเป็นเวลานาน จะทำให้ US เกิด recession และสุดท้าว FED จะรับมือ recession ไม่ไหว และ คิดว่าเงินเฟ้อมาจาก ฝั่ง cost push ซึ่งควบคุมไม่ได้ ทำให้ต้องหันกลับมา QE + ลดดอก อีกรอบ (money supply ที่มากขึ้น จะทำให้ hard asset ราคาปรับตัวขึ้นแรง) (3) โรคระบาดขนาดใหญ่ อาจจะกลับมาอีกครั้ง ทำให้ คนกลับไป WFH LFH อีกครั้ง คนหมกตัวอยู่แต่ในบ้าน เล่นแต่ internet อยู่ในเกมส์ ใน Metaverse เกิดเกมส์ ในรูปแบบ GameFi ไร้ศูนย์กลาง ที่ต้องพึ่งพา คริปโต ในการแลกเปลี่ยน ข้ามประเทศ แบบ ไม่ระบุตัวตน ซึ่ง bitcoin ตอบโจทย์ นั้นได้ (ถ้าไม่ cash out ออกผ่านบัญชี ที่ต้อง kyc น่าจะไม่มีปัญหา) (4) Lightning network ในอนาคต อาจจะ พัฒนาถึงขีดสุด มี application มากมายสร้างบนนี้รวมถึง stablecoin อาจเกิด killer app ที่ user-friendly ใช้งานง่ายสุดๆ ทำให้ user เพิ่มขึ้นมากมายมหาศาล ที่ต้องใช้bitcoin เพื่อใช้ application นั้น (5) เกิด Hyperinflation ทั่วทั้งโลก จาก เงินfiat เสื่อมค่า เทียบกับ real assets เพราะ สงคราม + Money supply + decoupling world + Aging society + wage hike spiral ทำให้ fiat ไม่สามารถทำหน้าที่ unit of account ที่ดีได้ ทำให้ต้องหา monetary asset ใหม่ มาทำหน้าที่แทน (6) รัฐบาลโลก หนี้สินล้นพ้นตัว ทำให้ ต้องเก็บภาษี มาก อย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน และการใช้ CBDC ก็อาจทำให้ ประชาชน ไม่สามารถหลีกเลี่ยงภาษี ผ่านก็การใช้ ธนบัตร หรือ banknote ได้เหมือนเมื่อก่อน เมื่อ ประชาชน โดน รีดภาษีมากเข้า ก็จะหาวิธี หลบหนี ผ่านการใช้ LN โอนซื้อขายระหว่างกัน โดยที่รัฐ ไม่สามารถจัดเก็บภาษีได้อีกต่อไป (7) สงคราม ที่เกิดบ่อยขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ gold / btc จะ ทวีความสำคัญ (หรือ asset อืน ๆ ที่ไม่สามารถ censorchip ได้) อีกทั้ง หลังเกิดสงครามยูเครน Russia ถูก Freeze asset แล้ว ทำให้ ทุกประเทศจะต้องทยอย diversify หนีออกจาก Dollay system อาจจะเข้ามาซื้อ Gold / BTC ที่ไม่สามารถ ban ได้ มากขึ้น (8) โลกเรากำลังเปลี่ยนจาก ยุค Globalization ไปสู่ยุค Regionalization (Decoupling world) ทำให้เกิดการ กีดกัน ระหว่าง region มากขึ้น แต่ โครงสร้างเศรษฐกิจ / พฤติกรรมคน ในปัจจุบัน mindset มันเป็น globalization ไปแล้ว จะทำให้มีความจำเป็นต้องใช้ BTC ในการแลกเปลี่ยนเงิน ข้าม พรมแดน (borderless) โดยที่ไม่มีใคร censor ได้ ป.ล.หาก ชอบ ขอกำลังใจเป็น bitcoin ผ่าน Lightning network เท่านั้น (เป็น address นี้ หรือ รูป ก็ได้) ไม่รับ shitcoin หรือ fiat ครับ Address (wallet of satoshi) : lnurl1dp68gurn8ghj7ampd3kx2ar0veekzar0wd5xjtnrdakj7tnhv4kxctttdehhwm30d3h82unvwqhhgmmsd93kzmrpvde8jmrfvv6rjl00tm3
สหรัฐ พิมพ์เงินมหาศาล แล้วทำไม คนยังต้องการ ดอลลาร์ เราลองมา ไล่กันดูครับ USD demand 0. World ต้องใช้ USD และ US treasuries มาเป็น เงินสำรองระหว่างประเทศ 1. Shale oil / gas 2. Vaccines + ยารักษา 3. Weapon 4. Luxury goods 5. Innovation goods/services such as semiconductors / machines / equitpments / Aircraft 6. Livestock (upstream) 7. ขาย เครื่องบิน / ขายพ่อพันธ์แม่พันธ์ไก่ / วัตถุดิบอาหารสัตว์ ด้วย 8. services เช่น big-4 auditor ฯลฯ 9. Carry trade on FX 10. Big tech companies อย่างกลุ่ม magnificient 7 11. USD เป็นสื่อกลาง แลกเปลี่ยน เงินและสินค้า ระหว่างประเทศ แทบทุกอย่าง (เหมือน ภาษาอังกฤษ ที่เป็น ภาษากลาง ในกาาสื่อสารข้อมูล) ฯลฯ พวกนี้ เป็นสินค้าที่ ผลิตน้อย แต่ได้มูลค่าสูงมาก และขาดไม่ได้ น่าจะมีส่วน ค้ำหนุน USD ทำให้ยังมีความเชื่อมั่น และมีความต้องการ USD อย่างต่อเนื่อง แต่ demand พวกนี้ กำลังน้อยลงเรื่อยๆ ครับ จากการ ก้าวขึ้นมาเป็น มหาอำนาจ ของ จีน รัสเซีย อินเดีย ฯลฯ ทำให้ อำนาจของสหรัฐ น้อยลงเรื่อยๆ นี่เป็นอีก investment thesis นึง ของ bitcoin ครับ ป.ล.หาก ชอบ ขอกำลังใจเป็น bitcoin ผ่าน Lightning network เท่านั้น (เป็น address นี้ หรือ รูป ก็ได้) ไม่รับ shitcoin หรือ fiat ครับ Address : lnurl1dp68gurn8ghj7ampd3kx2ar0veekzar0wd5xjtnrdakj7tnhv4kxctttdehhwm30d3h82unvwqhhgmmsd93kzmrpvde8jmrfvv6rjl00tm3
Thank you for your comment.
มีข่าวลือว่า หลายประเทศ กำลังจะไปขอถอนทองคำ ที่ฝากไว้กับสหรัฐฯ เลยลองหาข่าวดู ในข่าวเขียนว่า ประเทศไทย เคยมีทองคำน้ำหนักกว่า 31 ตัน ที่เคยฝากไว้ในห้องนิรภัยของสหรัฐ (ช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ ๒) แต่ทวงแล้วทวงอีก สหรัฐอเมริกาปฏิเสธ จะคืนให้ทุกกรณี ซึ่งก็ไม่ต่างจากเยอรมันที่ได้ฝากไว้ รวมน้ำหนักถึง 300 ตัน ... มากกว่าประเทศไทยเป็นสิบเท่าครับ ... https://www.misc.today/2023/08/Gold31tons.html สรุป ก็ เป็นเมืองขึ้น ของสหรัฐ กันทั้งโลก มาตั้งแต่ สงครามโลกครั้งที่สอง นั่นแหละ แต่สหรัฐฯ เป็นใช้วิธีเนียนๆ ไม่ให้รู้ตัวว่าเราเป็นเมืองขึ้น แล้วจริงๆ เรื่อง การถอน ทองคำ มาจากสหรัฐ ยาก ถือเป็นเรื่องเล็กๆเพราะปัจจุบัน reserve ของ ธปท. เป็นทองคำ แค่ 5-8% เพราะ ส่วนใหญ่ reserve เราคือ พันธบัตรรัฐบาล สหรัฐ และ เงิน USD นับถือ สหรัฐ จริงๆ ที่แม่งวาง ระบบการเงินโลก ให้ทุกประเทศเป็นเมืองขึ้น ได้แบบ โคดเนียน และเข้าใจยาก จัดๆ โดย ค่อยๆ สูบเลือดสูบเนื้อ ทีละนิดๆไม่ให้รู้ตัว ไปดู รายได้รัฐบาลสหรัฐแม่ง ขาดดุลงบประมาณ ทุกปีนำเข้า มากกว่า ส่งออก ทุกปีแต่ประเทศ แม่ง รวยเอาๆโคดขี้โกงทั้งที่ รายได้ น้อยกว่า ค่าใช้จ่าย ทุกปี วันๆ แม่งไม่ต้องทำงาน แต่รวย อาชีพ เดียวกัน รายได้ คนสหรัฐ มากกว่า ไทย เป็น สิบเท่า productivity เท่าๆ กันแต่ทำไม แม่งต้องรวยกว่าเรา อัดอั้น 555บ่นแค่นี้แหละ ทำงานต่อ ป.ล. หาก ชอบ ขอกำลังใจเป็น bitcoin ผ่าน Lightning network เท่านั้น ฮะ (เป็น address นี้ หรือ รูป ก็ได้) ไม่รับ shitcoin หรือ fiat ฮะ
What is money? เงินคือ ธนบัตร กับ เหรียญ ??? ### คำตอบ: ถูกบางส่วน ### ธนบัตร กับ เหรียญ คิดเป็นแค่ 9% ของ เงิน ในปัจจุบัน เพราะ ปัจจุบัน ธนบัตร กับ เหรียญ มีแค่ 2.3 ล้านล้านบาท เทียบกับ ปริมาณเงินในระบบ 25.5 ล้านล้านบาท ### แล้วเงินที่เหลืออีก 91% คือ อะไร??? อีก 91% คือ ตัวเลข digital ที่โชว์ บน app มือถือ ตัวเลขที่ โชว์อยู่หน้า book bank ฯลฯ เพราะ ส่วนใหญ่มันคือ เงินฝาก กับ สถาบันการเงิน แทบจะทั้งหมด เลย (และมี ตราสารหนี้ อยู่บ้าง)
ทองคำ ล่าสุดในปี 2023 คิดเป็นแค่ 7% ของทุนสำรองฯ ของเรา และ ลดลงจาก 48% ในปี 1980 (สหรัฐฯ ยกเลิกมาตรฐานทองคำ ในปี 1971) https://image.nostr.build/8efaca939dc51861f0712a9cd0203d32e0ceb864da0c514d45c7e1a2f3d7428b.jpg#m=image%2Fjpeg&dim=481x289&blurhash=i36J%25z%25gIUt8ayRQMyM%7BRQIA%25MRjxu%25fbHWBM%7Bay_MIU8%7Bofx%5Bx%5Bt7t7ofe.M%7BIUIVWBaeofxt%25M9Gt7ofR*fkRjMyWBt6&x=a09b045f7331906559f39005c0c19de5108115236fe356895cc82bd838360afc
ราคาทองคำ ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ปี 1965 บาทละ 416 บาท ปี 2023 บาทละ 33,600 บาท ราคาทองคำ เพิ่มขึ้น เฉลี่ยปีละ 7.9% ในช่วง 58 ปีทีผ่านมา อีก 15 ปี ถ้า growth rate ยังเหมือนเดิม น่าจะขึ้นไป ทองบาทละ 100,000 บาท
Test
Notes by earthshaker5005 | export