รู้หรือไม่ ไทย เคยเจอ hyperinflation มาแล้ว ... สงครามโลกครั้งที่ 2 ทำให้ ภาวะเงินเฟ้อที่หนักหน่วงที่สุดของไทย Inflation ไทย ยุค 1930 ราคา ฝ้าย / น้ำตาล ขึ้น 29x / 39x ใน 10 ปี หรือ คิดเป็น เงินเฟ้อ 40-45% ต่อปี !!! สาเหตุ คือ 1. ญี่ปุ่น บังคับไทยร่วมสงคราม มาตั้งฐานทัพในไทย ขอส่วย ขอเงิน จากรัฐไทย เยอะมาก 2. ญี่ปุ่น กึ่งบังคับ ให้ค่าเงินเยน แข็งค่าขึ้น เทียบ ค่าเงินบาท ทันที 36% (จากเดิม เงินบาท สมัยนั้น ผูกกับเงินปอนด์ของอังกฤษ) 3. พอเงินเยนแข็งค่า ญี่ปุ่น พิมพ์ jpy มาไล่ซื้อ สินค้า และบริการ ของ ใน ไทย ทำให้เงินเฟ้อ เพิ่มขึ้นสูง 4. ไทยเกิด Fiscal defitcit เยอะมาก เพราะ ใช้จ่ายกับสงคราม เยอะ แต่ รายได้ลดลง ทำให้ ต้องรัฐไทย ต้องใช้เงินคงคลังและกู้เยอะขึ้น จนทำให้ money supply เพิ่ม และ ค่าเงินอ่อนค่า ขอบคุณแหล่งที่มา ของบทความ คุณหาข้อมูลได้ดีมากๆ ครับ https://www.investerest.co/economy/thailand-with-world-war-ii/ เปรียบเทียบกับ โลกยุคปัจจุบัน นักล่า มันเปลี่ยนจาก ญี่ปุ่น ไปเป็น สหรัฐฯ แต่สหรัญ ใช้วิธีที่ไม่โจ่งแจ้ง และเนียนกว่า ญี่ปุ่น ในการเข้ามาสูบเลือดสูบเนื้อ ประเทศไทย (จริงๆ ต้องบอกว่า โดนกันทั้งโลก) หลังสงครามโลกครั้งที่สอง ญี่ปุ่นแพ้สงคราม สหรัฐ ขึ้นมาปกครองโลก สร้างระบบการเงินที่ตัวเองได้เปรียบ ทำให้ทุกประเทศ ต้องตั้งธนาคารกลาง และใช้ USD เป็นสำรอง เลิกมาตรฐานทองคำ หลอกให้ทุกประเทศ ต้องเปิดประเทศ แปรรูปรัฐวิสาหกิจ เปิดตลาดหุ้น เข้ามาฮุบกิจการ ด้วยเงินที่สร้างง่าย แต่ทุกอย่างทำแบบค่อยเป็นค่อยไป จนเหยื่อแบบเรา แทบไม่รู้ตัว และยกย่อง สหรัฐ ด้วยซ้ำ นึกภาพ คนสมัยก่อน อาจจะถึงขั้นทำสงคราม แย่งชิง ที่ดิน หรือแรงงานทาส แต่ทุกวันนี้ สหรัฐ สามารถ พิมพ์เงิน เข้าไปซื้อที่ดิน ซื้อแรงงาน ได้อย่างไม่จำกัด หรือ ออกแนวลามก หน่อย บางที ทำสงคราม แล้วมีการข่มขืน แต่เดี๋ยวนี้ โสเภณี ก็คือเต็มใจ ด้วยซ้ำ และกับเงินกระดาษที่พิมพ์มา สิ่งที่อยากสื่อ คือ สมัยก่อน นักล่า อย่างญี่ปุ่น ล่าเหยื่อ แบบตะกระตะกราม มาก ในขณะที่ สหรัฐ ล่าเหยื่อ ด้วยวิธีการที่เนียนสุดๆ หรือแย่ไปกว่านั้น ถ้าหากสงคราม เกิดอีกครั้งในบ้านเราอีกครั้ง ไทย ก็อาจถูก สูบเลือดสูบเนื้ออย่างรวดเร็ว เหมือนสมัยที่ ญี่ปุ่นทำกับไทย ช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง จนทำให้ไทย เจอ hyperinflation และค่าเงินบาท เสื่อมค่าอย่างรวดเร็วได้ สรุปคือ เราต้องรู้ทัน ซึ่งผมเชื่อว่าทุกคนในห้องนี้รู้ทันอยู่แล้ว และต้อง exit ให้ได้ด้วยการถือ hard asset ที่ดิน ทองคำ บิทคอย แบบที่จารย์ตั๊มบอก แต่ส่วนตัว ขอเพิ่ม ที่ดิน ขอให้เป็นที่ดินที่สามารถทำการเกษตรได้ เพราะ การผลิตของกินเองได้ จะป้องกันเงินเฟ้อได้ดีที่สุด หรือ ขอเพิ่ม หุ้นคุณภาพ ในราคา valuation ที่เหมาะสม เพราะแม้แต่ในประเทศ ตุรกี หรือ อาเจนตินาร์ ที่เจอเงินเฟ้อ มโหฬาร ก็ยังมีหุ้นที่ขึ้นสูงๆ ได้ ทุกครั้ง ขอบคุณครับ ป.ล.หาก ชอบ ขอกำลังใจเป็น bitcoin ผ่าน Lightning network เท่านั้น (เป็น address นี้ หรือ รูป ก็ได้) ไม่รับ shitcoin หรือ fiat ครับ