28 สิงหาคมของทุกปี วันที่โลกบิตคอยน์รำลึกถึง 'นักบุญ' Hal Finney หนึ่งในผู้บุกเบิก
https://i.nostr.build/h0JtUvgW0ornCU8h.jpg
ในวันที่แสงแดดยามเย็นค่อยๆ ลับขอบฟ้าของวันที่ 28 สิงหาคมของทุกปี ชุมชนบิตคอยน์ทั่วโลกจะร่วมกันจุดเทียนแห่งความทรงจำ รำลึกถึงบุคคลสำคัญผู้หนึ่ง ผู้ซึ่งได้ทิ้งร่องรอยไว้บนผืนทรายแห่งประวัติศาสตร์บิตคอยน์อย่างไม่อาจลบเลือน...
เขาคือ Hal Finney นักวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ผู้มีวิสัยทัศน์กว้างไกล และเป็นผู้รับการทำธุรกรรมบิตคอยน์ครั้งแรกจาก Satoshi Nakamoto ผู้สร้างบิตคอยน์ผู้ลึกลับ
เรื่องราวของ Hal เริ่มต้นขึ้นอย่างเรียบง่าย..
เขาเป็นเด็กหนุ่มจากแคลิฟอร์เนีย ผู้หลงใหลในโลกของรหัสและคอมพิวเตอร์ เขาเริ่มต้นเส้นทางอาชีพด้วยการเป็นนักพัฒนาเกม สร้างสรรค์เกมดังในอดีตที่หลายคนอาจเคยสัมผัส เช่น Adventures of Tron และ Astrosmash แต่เบื้องหลังภาพของนักพัฒนาเกม Hal ยังมีความหลงใหลในโลกของการเข้ารหัส (Cryptography) ซ่อนอยู่ด้วย..
เขาเป็นสมาชิกคนสำคัญของกลุ่ม Cypherpunk กลุ่มคนที่เชื่อมั่นในการใช้เทคโนโลยีเพื่อปกป้องความเป็นส่วนตัวและเสรีภาพในโลกดิจิทัลที่กำลังก่อตัวขึ้น
ในปี 2004 Hal ได้สร้างระบบ Reusable Proof of Work (RPOW) ซึ่งเป็นเหมือนกุญแจดอกสำคัญที่ไขไปสู่โลกของบิตคอยน์
แม้ RPOW จะยังเป็นเพียงต้นแบบ แต่แนวคิดนี้ได้ปูทางไปสู่ระบบ Proof of Work ที่บิตคอยน์ใช้อยู่ในปัจจุบัน นี่แสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์อันกว้างไกลของ Hal ที่มีต่อเทคโนโลยีบล็อกเชนตั้งแต่ยุคแรกเริ่ม
เมื่อ Satoshi Nakamoto เปิดตัว Bitcoin ในปี 2008 Hal เป็นหนึ่งในคนกลุ่มแรกๆ ที่มองเห็นศักยภาพที่แท้จริงของมัน
เขาไม่ใช่แค่เห็น แต่เขาเชื่อและเข้าใจมันอย่างลึกซึ้ง เขาเคยกล่าวว่า..
"บิตคอยน์ดูเหมือนจะเป็นความคิดที่มีอนาคตไกล"
เขาเชื่อมั่นในระบบรักษาความปลอดภัยที่อิงจากพลังการประมวลผลของผู้เข้าร่วมเครือข่าย และมองเห็นคุณค่าของ "โทเคนที่ไม่สามารถปลอมแปลงได้"
Hal ไม่ใช่แค่นักทฤษฎี เขาลงมือปฏิบัติจริงด้วยการเป็นหนึ่งในนักขุดบิตคอยน์คนแรกๆ ของโลก และที่สำคัญที่สุด เขาคือผู้รับการทำธุรกรรมบิตคอยน์ครั้งแรกจาก Satoshi Nakamoto ในวันที่ 12 มกราคม 2009
"Running bitcoin" เสียงกระซิบที่ดังก้องไปทั่วโลก
ในวันที่ 10 มกราคม 2009 Hal ทวีตข้อความสั้นๆ ว่า "Running bitcoin" ทวีตนี้เป็นสัญลักษณ์ของการเริ่มต้นยุคใหม่ของเงินตรา และเป็นเครื่องเตือนใจถึงบทบาทสำคัญของ Hal ในประวัติศาสตร์บิตคอยน์
ในปีเดียวกันนั้นเอง Hal ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรค ALS โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงที่รักษาไม่หาย
โรคร้ายนี้ค่อยๆ พรากความสามารถในการควบคุมร่างกายของเขาไปทีละน้อย แต่ไม่อาจพรากความมุ่งมั่นและจิตวิญญาณของนักสู้ไปจากเขาได้..
แม้ร่างกายจะถูกจำกัด แต่อุดมการณ์ของ Hal ไม่เคยถูกโรคร้ายพรากไป เขายังคงเขียนโค้ดบิตคอยน์ต่อไปด้วยความมุ่งมั่นโดยใช้ซอฟต์แวร์ติดตามดวงตา เป็นเครื่องพิสูจน์ว่าแม้ในช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุด มนุษย์เราก็ยังสามารถสร้างสรรค์สิ่งที่ยิ่งใหญ่ได้
"My body may be stuck, but my mind is free.”
Hal Finney เสียชีวิตในวันที่ 28 สิงหาคม 2014 ทิ้งไว้ซึ่งมรดกอันยิ่งใหญ่ให้กับวงการฯ เขาเป็นผู้บุกเบิก ผู้สร้างแรงบันดาลใจ และเป็นสัญลักษณ์ของความหวังในโลกดิจิทัล
ทุกวันนี้ แม้ Hal จะจากไปแล้ว แต่จิตวิญญาณของเขายังคงอยู่กับเราทุกครั้งที่เราใช้บิตคอยน์หรือพูดถึงเทคโนโลยีบล็อกเชน เขาคือวีรบุรุษผู้ทำให้เรามองเห็นศักยภาพที่แท้จริงของเทคโนโลยีนี้
และถือเป็นแรงผลักดันให้เราสร้างโลกที่ดีกว่าเดิม..
28 สิงหาคม วันที่เราจะไม่มีวันลืม..
ในวันครบรอบการจากไปของ Hal Finney ขอให้เราร่วมกันรำลึกถึงคุณูปการของเขา และสานต่อเจตนารมณ์ในการสร้างโลกที่เงินตราเป็นของทุกคนอย่างแท้จริง
ปล. เรื่องราวของ Hal Finney สอนให้เรารู้ว่า ขีดจำกัดของร่างกายไม่สามารถจำกัดจินตนาการและความมุ่งมั่นของมนุษย์ได้ ขอให้เรื่องราวนี้เป็นแรงบันดาลใจให้ทุกคนครับ
"Bitcoin seems to be a very promising idea. I like the idea of basing security on the assumption that the CPU power of honest participants outweighs that of the attacker. I hope it will succeed." (2008)
— Hal Finney
// เรียบเรียงโดย Jakk Goodday
#siamstr
ประโยคนี้กินใจมากๆครับ "My body may be stuck, but my mind is free.” ขอบคุณครับ Hal🙏