"สรุปมึงว่าคริปโตนี่มันจะมาแทนเงินได้จริงป่าววะ"
.
.
.
ย้อนกลับไปสุดสัปดาห์ก่อน หลังจากเก็บกดอยู่นานไม่ให้เผลอโม้เหม็นเรื่องบิตคอยน์มากเกินไป เดี๋ยวจะเผลอทำลายบรรยากาศการนัดเจอเพื่อนมหาลัยครั้งแรกในรอบปี อยู่ดีๆ ก็มีคนเหมือนรู้ใจช่วยเปิดก็อกให้
"กูเป็นบิตคอยน์เนอร์ หมายความว่ากุโฟกัสแค่บิตคอยน์อย่างเดียว ถ้าถามกุเรื่องพวกนี้ มึงต้องแยกระหว่างบิตคอยน์กับ "คริปโต" เหรียญอื่นๆ ก่อน
"สมมุติพูดถึงเทคโนโลยีสักอย่างนึง อะอย่างเครื่องพิมพ์ละกัน ย้อนไปสมัยกูเตนเบิร์กโน่นเลย มึงคิดว่าการที่สิ่งแรกที่ถูกพ่นออกมาจากแท่นพิมพ์คือไบเบิล มันหมายความว่าทุกอย่างที่ถูกพ่นออกมาจากแท่นพิมพ์จะมีบทบาทเป็นคัมภีร์ทางศาสนาเหมือนกันไปหมดไหม ก็ไม่นิ
"กระดาษโดนหมึกมันกลายเป็นอะไรก็ได้ ตำรา ปฏิทิน ตั๋ว แผนที่ หนังสือโป๊ เงิน ฯลฯ เพราะงั้นการบอกว่าทุกอย่างที่ใช้ "บล็อกเชน" จะกลายเป็นเงิน มันไม่ใช่
"แต่การมีคนที่โฟกัสไปที่ตัวเทคโนโลยีมันก็ไม่ผิด ช่างงานพิมพ์เขาเชี่ยวชาญงานพิมพ์จะพิมพ์อะไรก็ได้ ร้านขายสิ่งพิมพ์เชี่ยวชาญการเก็บรักษาตีราคาจะขายสิ่งพิมพ์แบบไหนก็ได้ จะมีใครจัดงานแฟร์เทคโนโลยีการพิมพ์ก็สมเหตุสมผล เพราะงั้น Blockchain Dev จะพัฒนาเหรียญแบบไหนก็ได้ exchange จะขายเหรียญหลายๆ ประเภทในที่เดียวก็ได้ หรือจะมีงานแฟร์คอนเฟอเรนซ์บล็อกเชนก็ไม่แปลก
"แต่ในฐานะผู้ใช้งาน อย่าเผลอคิดว่าทุกเหรียญคริปโตจะเป็นเงินเหมือนกัน
"เหรียญอื่นๆ เค้าตั้งใจจะให้เหรียญเค้าแก้ปัญหาอะไร ปัญหานั้นมันแก้ได้ด้วยบล็อกเชนจริงๆ หรือเปล่า หรือว่าทำๆ ไปแล้วมันจะสำเร็จไหม ก็ต้องพิจารณาแยกเป็นรายเหรียญไป
"แต่สำหรับบิตคอยน์ ใช่ กุเชื่อว่ามันจะสำเร็จ"
.
.
.
และนั่นคือการพูดคุยเรื่องบิตคอยน์ครั้งสุดท้ายในคืนนั้น
#Siamstr
That why STAY HUMBLE harder than STACK SATS
การจะหุบปาก bitcoinner ไม่ให้พูดถึง bitcoin ได้ ทั้งๆที่เรารู้ว่ามันมีประเด็นบางอย่างเกี่ยวโยงถึงกันได้นี่โคตรยาก บางคนฟังเราพูดไม่ได้เพราะสนใจ แต่เพราะจะจับผิดเฉยๆก็มี
เปรียบเทียบได้ดี ขอยืมไปใช้บ้าง
คิดค่าใช้ครั้งละ 1 sat ครับ 🙃
พูดจบเพื่อนแยกย้ายกลับบ้านทันที🥲