Oddbean new post about | logout
 กระแสเชี่ยวกรากเป็นธารใหญ่ไหลหลั่งราวไม่สิ้นสุด บางคนขนานนามว่า 'กระแสหลัก' เราต่างไขว่คว้าในกระแสนี้ จนเผลอคิดไปว่า มันคือ 'ทุกอย่างของชีวิต
กระแสธารใหญ่นั้นเป็นไปได้ตั้งแต่เรื่องง่ายๆ อย่างเพลงฮิต หนังดัง อินฟลูฯ ผู้มีชื่อเสียง ดารา นักการเมือง ไล่เลยไปถึงคุณค่านามธรรมตามระบบที่บอกให้เราดำเนินชีวิตตามขั้นตอนและไล่ตามเป้าหมายทางเดียวกันที่ยอดพีระมิดแคบแต่ฐานกว้างไม่ว่าชื่อเสียง เงินทอง ความสำเร็จ เกียรติยศ การยอมรับ กระแสธารเหล่านี้ถูกทำให้มองเห็นและจับต้องได้มากขึ้นด้วย 'ตัวเลข' ที่วัดผลเป็นยอดไลก์ ยอดฟอลโลว์ ยอดวิว และอีกสารพัดยอด ตามกรอบที่สังคมขีดเส้นไว้ว่าแบบนี้แหละคือ 'สุดยอด'
แต่ละคนไต่เต้าปีนป่ายสู่ 'สุดยอด' ซึ่งสูงและแคบนั้น ท่ามกลางการหยิบยื่นอุปกรณ์และคำแนะนำมากมาย ยิ่งเสียงประสานไปทิศทางเดียวกัน เรายิ่งรู้สึกว่าทางนั้นเป็นทางเดียวที่ควรมุ่งหน้าไป
แต่ไม่ง่ายนั้นเพราะมันชัน คู่แข่งที่ปีนขึ้นไปก็เบียดเสียดล้นทาง
ผ่านวันเวลาสักระยะ จากกระแสหลักเรารู้สึกเหมือนใบไม้ที่ไหลไปอยู่ในวังวน ที่น้ำแรงซัดเราวนอยู่แบบนั้น ในแง่หนึ่งเหมือนจับทิศไม่ถูก อีกแง่เหมือนจะควบคุมอะไรได้ ดังนั้นช่วงเวลาถอนตัวออกจากวังวนจึงสำคัญ เพื่อถอยออกไปทบทวน 'สิ่งสำคัญของชีวิต' ว่าตกลงแล้วเราควรทุ่มเทพลังงาน เวลา และทรัพยากรที่มีลงไป และกระแสธารใหญ่ที่ว่าใช่ทิศทางที่เราอยากไปจริงหรือแล้วยอดพีระมิดที่เขาบอกกันว่าดีว่างาม มันใช่พื้นที่ที่เราอยากปีนขึ้นไปจริงไหม
ต้องให้เวลาว่างๆ กับตัวเองตอบคำถามเหล่านี้ การนั่งทบทวนหรือเขียนบันทึกในวันสงบตามลำพัง ได้นั่งล้อมวงกับเพื่อนฝูงหรือคนที่ไว้ใจเพื่อส่องสะท้อนกันไปมา การหลบหายไปสักพักเพื่อหาตำรับตำรามาอ่านให้ได้แนวทางความคิดใหม่--วิธีใดก็ได้ที่ถอยออกไปมองชีวิตตัวเองในมุมที่กว้างกว่าเดิม
ถอยออกมา ถอนตัวชั่วครู่ เพื่อมองตนด้วยสายตาบุคคลที่สาม
เราย่อมฟื้นจากความมึน ตาสว่างกระจ่างกว่าเดิม และเห็นสถานการณ์ในมุมที่กว้างขวางขึ้น โดยมากจะได้คำตอบว่า เรามีทิศทางอื่นในการดำเนินชีวิต เราไม่ต้องเป็นไปตามที่กระแสหลักบอก เรากำหนดเส้นทาง ความเร็ว และเป้าหมายของตนเองได้ อันนำมาซึ่งการกำหนดความดี ความงาม ความจริง และความสุขในนิยามที่ไม่ต้องเป็นไปตามมาตรฐานใคร
ดีแบบเรา งามแบบเรา จริงแบบเรา สุขแบบเรา
ถอนตัวออกจากวังวนและกระแสเชี่ยวกราก กำหนดจังหวะชีวิตตัวเอง เป็นอิสระจากความคิดครอบงำ และสุ้มเสียงที่พยายามบอกกับเราในท่วงทำนองและทิศทางที่คล้ายกัน
เป็นตัวของตัวเอง, มีพลัง, มั่นใจ, เลือกเองได้
นั่นคือความหมายและความสำคัญของช่วงเวลาแห่งการถอนและถอยออกจากกระแสหลัก เราจะพบ 'กระแสอื่น' อาจเป็นลำธารไม่ใหญ่ แต่ไหลเย็น และเป็นตัวเอง
ตรงนั้นแหละที่เราอยากอยู่ ทางนั้นแหละที่ที่เราอยากไป ผู้คนเหล่านั้นเองที่เราอยากใช้เวลาด้วย และ...ชีวิตแบบนั้นแหละคือชีวิตที่งามในนิยามของเรา
จะเห็นชัด ต้องหยุด
จะได้ยิน ต้องเงียบ
จะรับรู้ ต้องใส่ใจ
เพื่อทำความเข้าใจตัวเองอีกครั้ง ตามความถี่ที่ตัวเองได้กำหนดไว้ว่าจะทำเช่นนี้สม่ำเสมอ เพื่อไม่เผลอโดนกระแสธารใหญ่ลากพาไปจนหลงทาง โดยหวังว่าจะ "ผ่อน-พัก-ซึมซับ-ทบทวน"
เพื่อตกผลึกเป็นคำตอบบางอย่าง สู่ทิศทางที่ตอบตัวเองได้ว่าจะไปทางไหน ไปเพื่ออะไร สู่ชีวิตที่ไม่ขึ้นอยู่กับแรงเหวี่ยงของใครและกระแสใหญ่ของโลกหรือสังคมอันที่จริง ในโลกที่มีลำธารเล็กๆ งดงามอยู่มากมาย ย่อมมิใช่ทุกคนที่จำเป็นต้องกระโจนลงสู่กระแสหลักอันเชี่ยวกราก, เมื่อพาตนออกไปจากกระแสใหญ่ เราจะพบกระแสตน