การทำสมาธิเป็นสิ่งที่กระทำกันมาอย่างความยาวนานและแพร่หลายในวัฒนธรรมทั่วโลก โดยมีเป้าหมายหลักในการสร้างความสงบและความเป็นหนึ่งเดียวกับจิตใจและร่างกาย การทำสมาธิไม่เพียงแต่ช่วยในเรื่องของความสงบในใจและการลดความเครียด แต่ยังมี ผลดีต่อการนอนหลับ ซึ่งเป็นปัญหาที่หลายคนประสบในปัจจุบัน การทำสมาธิมีผลต่อระบบประสาทอัตโนมัติ ซึ่งประกอบด้วยสองส่วนหลัก คือ ระบบประสาทซิมพาเทติก (Sympathetic Nervous System) และ ระบบประสาทพาราซิมพาเทติก (Parasympathetic Nervous System) การทำสมาธิช่วยในการกระตุ้นระบบประสาทพาราซิมพาเทติก ซึ่งมีหน้าที่ช่วยให้ ร่างกายผ่อนคลายและเตรียมพร้อมสำหรับการนอนหลับ เมื่อระบบประสาทนี้ถูกกระตุ้น ร่างกายจะปล่อยสารเคมีที่ช่วยให้รู้สึกสงบ เช่น เซโรโทนิน (Serotonin) และเมลาโทนิน (Melatonin) ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่มีบทบาทสำคัญในการควบคุมการนอนหลับ นอกจากการปรับสมดุลของระบบประสาทแล้ว การทำสมาธิยังช่วยลดระดับฮอร์โมน ความเครียด เช่น คอร์ติซอล (Cortisol) ซึ่งมักจะเพิ่มขึ้นในสภาวะเครียด การลด ระดับคอร์ติซอลช่วยให้ร่างกายและจิตใจเข้าสู่ภาวะที่พร้อมสำหรับการพักผ่อน การทำสมาธิยังช่วยในการควบคุมความคิดและอารมณ์ ซึ่งมักจะเป็นสาเหตุที่ทำให้ หลายคนไม่สามารถนอนหลับได้ง่าย เมื่อฝึกสมาธิอย่างสม่ำเสมอ เราจะสามารถเรียนรู้ วิธีการรับมือกับความคิดและความรู้สึกที่รบกวนจิตใจได้ดีขึ้น ทำให้สามารถนอนหลับ ได้ลึกและยาวนานขึ้น การทำสมาธิยังช่วยปรับปรุงคุณภาพการนอนหลับในทางกายภาพ เช่น การหายใจช้า และลึก ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการทำสมาธิ ช่วยในการเพิ่มปริมาณออกซิเจนในเลือด และลดอัตราการเต้นของหัวใจ ทำให้ร่างกายเข้าสู่ภาวะที่ผ่อนคลายและพร้อมสำหรับ การนอนหลับ การฝึกสมาธิยังสามารถช่วยลดอาการของภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (Sleep Apnea) ซึ่งเป็นปัญหาที่พบได้บ่อยในคนที่มีปัญหาการนอนหลับ การทำสมาธิช่วยสร้างสภาพจิตใจที่พร้อมรับการนอนหลับ การฝึกสมาธิในช่วงเย็น หรือก่อนนอนช่วยในการสร้างนิสัยการนอนหลับที่ดี เนื่องจากการทำสมาธิเป็นการ สร้างกิจวัตรที่สม่ำเสมอ ซึ่งช่วยให้สมองรับรู้ว่าใกล้ถึงเวลาที่ต้องนอนหลับแล้ว #siamstr