จู่ๆก็คิดถึงสามเหลี่ยม Maslow แล้วอยากเขียนบ่นเรื่องสั้นๆ การที่พวก ”อิผู้ทรงภูมิ ผู้สูงส่ง ไม่มีใครเก่งเท่าแม่พงกมึงแล้ว” มันคิดว่า “เงินเฟ้อคือสิ่งจำเป็น ถ้าเงินไม่เฟ้อคนจะไม่จับจ่าย” นี่แม่งเหมือนเอาตีนลูบหน้าสามเหลี่ยมเลยนะ ฐานล่างสุดของสามเหลี่ยมคือ basic physiological survival เช่น อาหาร คือมันไม่ใช่เงิน และไม่ใช่การออมเงินไง การเก็บหอมรอมริบ การถนอมอาหารไว้กินในอนาคต มันจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อปัจจุบันมันกินอิ่มแล้ว มันเป็น Maslow ที่สูงกว่า แต่พวกผู้สูงส๊งชิบหายแม่งเสือกคิดว่าคนจะออมๆๆๆ ไม่เอาตังมาซื้อแดก ตรรกะมึงวิบัติมากอะ ส่วนตัวคิดว่า evidence ที่บ่งชี้ว่าวงการ Mainstream Academic มันโง่เง่าเต่าตุ่นชิบหายก็คือการที่ Expert ในวงการต่างยอมรับในตรรกะวิบัติที่ว่า “ถ้าเงินไม่เฟ้อ คนจะไม่จับจ่าย” นี่แหละ แล้วผมก็ไม่รู้นะว่าขนมปังสังขยามันมีประวัติความเป็นมายังไง อิพวกที่คิดว่าเงินเฟ้อทำให้มีขนมปังสังขยา มึงลองคิดใหม่นะ ขนาดโลกนี้มีเงินเฟ้อ มึงยังมีขนมปังสังขยาอร่อยๆให้กิน ถ้าโลกนี้ไม่มีเงินเฟ้อ ป่านี้มึงได้กินของอร่อยกว่านั้นในราคาถูกกว่านั้นแล้ว อย่างมนต์นมสดที่ทุกวันนี้เริ่มต้นน่าจะ 25 บาทปะวะ ถ้าไม่มีเงินเฟ้อนะ ป่านี้ไอตัวเริ่มต้นอะ 5 บาท ส่วน 25 บาทมึงได้กินแบบที่อร่อยกว่าตัวท้อปทุกวันนี้อะ #siamstr