Lightning Wallet ปัจจุบันมีทั้งแบบ custodial และ non-custodial ครับพี่
.
ถ้าเป็นแบบ custodial wallet เราต้องเชื่อใจผู้ให้บริการครับ เช่น WOS, Alby ซึ่ง ข้อดีคือ ใช้งานง่าย แค่เปิด Account ก็โอน sat ไปได้เลย โดยไม่จำกัดจำนวน
แต่ข้อเสียของ LN Wallet ประเภทนี้คือ ถ้าผู้ให้บริการปิดโหนดหนี เราจะสูญเสียบิตคอยน์ทั้งหมดเลย
.
ถ้าเป็นแบบ non-custodial wallet จะต้องแบ่งเป็น 2 กลุ่มครับ
1. เรารันโหนดเองทั้งหมด จะใช้ Raspberry pi รัน umbrel, start9 หรือ raspiblitz ก็ได้ ซึ่งแน่นอนว่าเราต้องหาเนื้อคู่เพื่อมาเปิดช่องด้วยกัน (ต่อท่อเชื่อมเพื่อให้รับส่ง sat ได้)
2. ใช้ผ่านผู้ให้บริการ เช่น Pheonix wallet, Mutiny wallet หรือ Zeus wallet เพื่อให้เค้าทำหน้าที่เป็น LN node ให้ แต่เราจะเป็นคนถือ Private key เอง ,, ในกรณีนี้หากผู้ให้บริการล้มหายตายจาก เราก็ยังสามารถ Redeem satoshi ของเราออกมาได้ แต่อาจจะเป็นกรณีของการ Force close channel ซึ่งจะจ่ายค่าฟีสูงเป็นพิเศษ (ก็ยังดีกว่าแบบ custodial wallet)
ทั้งนี้ทั้งนั้น .. การเปิด channel ในครั้งแรกจะเป็นตัวกำหนดขนาดของ Inbound/Outbound Liquidity ครับ
สมมุติเราเปิด Channel ขนาด 500,000 satoshi เราก็จำเป็นต้องโอน satoshi ไปยัง LN Wallet ก่อน (ในจำนวนไม่น้อยกว่าขนาดช่อง+ค่าฟี)
และกระเป๋า LN ของเราจะสามารถบรรจุ satoshi ได้ “ไม่เกิน” 500,000 sat ตามขนาดช่องที่เราเปิดครับ
.
เพราะฉะนั้นการเปิดช่องในครั้งแรกมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้อง “วางแผน” Channel Liquidity ให้เหมาะสมกับที่เราจะใช้งานครับ
และอีก 1 ประเด็น คือ เราต้องโอน satoshi จริง ๆ ไปยัง Hot wallet ครับ ,, หากไม่มีอะไรผิดพลาด เราก็จะมี LN Channel ส่วนตัวไว้ stack sat ครับ
แต่หากมีอะไรผิดพลาด เราอาจจะเสียบิตคอยน์ส่วนนี้ไปหมดเลย (ร้ายแรงสุดก็คงจะเป็น Channel Penalty หรือทำผิดกฎ เช่น Double spending แล้วเราโดนยึด sat ไปหมดเลย)
ประมาณนี้ครับ 🙏
แสดงว่า ฟินิกซ์ ธรรมชาติตัวมัน เป็น non custodial ตั้งแต่เราเริ่มสมัครกับมันแล้ว อยู่ในประเภท เขาถือ LN node เราถือ private key
การเปิดแชนแนลครั้งแรกจะเป็นตัวกำหนดขนาดที่กระเป๋าเราบรรจุ sat ได้ ถ้าอยากได้ 5แสนก็รอสะสมให้ครบก่อน+fee แล้วค่อยโยนเข้าไป ส่วนครั้งต่อไปก็สะดวกแล้วเพราะเบิกกระเป๋าขนาดที่ต้องการทีแรกเท่านั้น
ถูกต้องไหมครับ
ส่วน 2 ย่อหน้าสุดท้าย ไม่เข้าใจเลยครับ ฮาๆๆๆ ขออภัย รบกวนแลคเชอร์เพิ่มเติมได้ไหมครับ https://image.nostr.build/8c493120d94c7dd1129ff224801997b958a524f2e409751c0d5bbc96eb6936bf.jpg https://image.nostr.build/2b08e7a0dc2b7062d17d5b39b7b38854330933429a6ba33154b62d5d464735c0.jpg
โดยส่วนตัวแล้วผมยังไม่เคยใช้ Pheonix wallet ครับพี่ 5555 (มีแต่ iOS 😭)
แต่โดยหลักการแล้วถูกต้องครับ
เราจำเป็นต้องมี On-chain Transaction สำหรับการเปิด channel ในครั้งแรกครับ และจำนวน Liquidity ที่เราเลือก (ภาพที่ 2) ก็จะเป็น Maximum Inbound Liquidity ครับ
และจำนวนบิตคอยน์ On-chain Tx ที่เราโอนไปพักไว้นี่แหละ ต้องมีมากกว่าขนาดช่องที่เราวางแผนเปิด + ค่าฟีสำหรับการเปิดช่อง
••••••••••
ย่อหน้าสุดท้ายผมพิมพ์เพิ่มเติมถึงอันตรายเฉย ๆ ครับพี่ ในกรณีเราใช้ผ่านผู้ให้บริการ Non-Custodial wallet ไม่น่าจะเปิดปัญหา
แต่ถ้าเราต้องรันโหนดเองทั้งหมด มันจะมีโอกาสเกิดปัญหาระหว่างที่เราเปิด Channel ได้ครับ
.
Channel Penalty คือ เราเปิด Channel ซ้ำซ้อน เช่น ระหว่างเปิด Channel กับ Exchange A อยู่ (รอการ Confirmation) แล้วเราเผลอใช้ utxo เดียวกันไปเปิดหา Exchange B ,, ถ้าระบบตรวจพบว่าเราผิดกฎแบบนี้ เราจะโดนฝั่งตรงข้ามยึดบิตคอยน์ทั้งหมดที่เราใช้เปิด channel ไปเลย
แต่ส่วนตัวที่ผมเจอ คือ ผมเปิด Channel ไปหา Nicehash (ผ่าน TOR) แล้วทาง Nicehash ไม่เปิด Channel ด้วย ,, ทำให้ UTXO ของผมโดนล็อกไป 2 สัปดาห์ 5555 (ระบบป้องกันเรานำ UTXO ไปเปิดช่องกับที่อื่นครับ) แต่ตอนที่ยังไม่รู้ก็หลอน ๆ อยู่ครับ ประมาณ 1.3 ล้านแซต 🫠
ใช่เลยครับ On-chain ครั้งแรกสำคัญมาก แล้วหลังจากนั้นเราอยากจะเพิ่ม liquidity ก็แค่จ่าย sats เพิ่ม ส่วนอยากจะ drain ออกไปเก็บเองก็ทำได้ในแอพเลย
โอเคครับ เดี๋ยวจะลองดูครับ