แชร์ประสบการณ์ เรียกว่า “โซเชียลดีท็อก” ได้มั้ยไม่รู้ โทรศัพท์ผมพัง จอเขียวปี๋ ทำให้ผมไม่มีโทรศัพท์ใช้นานถึง4เดือน แต่ผมยังมีไอแพด ปกติผมก็พยายามไม่ค่อยเข้าโซเชียลอยู่แล้ว จะเข้าเป็นเวลาๆล็อคเวลาไว้ ไอแพดใช้เน้นทำงาน เรียน ตัดงาน และเข้าโซเชียลตามเวลาที่ลงไว้ว่าจะเข้า หลังจากไม่มีโทรศัพท์ผมมองเห็นอะไรได้มากขึ้นรับรู้สิ่งต่างๆรอบตัวได้มากขึ้น ใช้ชีวิตได้โปรดักทีฟและมีคุณค่ามากขึ้น ไม่ได้มีโทรศัพท์ให้หยิบมาเปิดดูตอนขึ้นรถเมล์ ตอนขึ้นบีทีเอส ตอนเดินอยู่ในเมือง ได้เห็นคนใช้ชีวิต เห็นซอกหลืบสวยๆในกทม.ที่ถ้าปกติเล่นโทรศัพท์เดินผ่านทางนี้จะไม่เห็น ตอนกลับบ้านต่างจังหวัดที่ต้องนั่งรถนานๆก็ได้มองเห็นธรรมชาติตามข้างทางแทนการมองจอ ได้ใช้เวลากับคนรักมากขึ้นแทนการเล่นโทรศัพท์ ทั้งกับที่บ้านและกับแฟน โลกและชีวิตมันสวยงามจริงๆ การที่ผมไม่มีโทรศัพท์ใช้นานขนาดนี้ ทำให้ผมได้นิสัยใหม่(ที่พึ่งมีจริงๆเพราะเหตุการณ์นี้)คือ เวลาเดินทาง ผมแทบไม่แตะโทรศัพท์ ถ้าไม่หยิบมาจ่ายตังหรือเปิดแผนที่ ใช้เสร็จก็เก็บ เผลอๆหยิบ bitcoin standard ออกมาอ่านเล่น นั่นไง! และผมยังรู้สึกตัวเองมีสมาธิขึ้นมากๆจัดลำดับความคิดได้ดีขึ้นเยอะเลย อยากเชิญชวนให้ทุกคนลองทำ long term social detox ดู โคตรดี ของแท้ ของดี เนื้อแท้ เนื้อดี เนื้อสายฟ้า ไม่ใช่! นั่นแหละครับ ลองนะครับ ดีจริง #nostr #siamstr #thai #thailand #bangkok
You can actually have a phone and do not get attached to it. It's all about balance. When I go out for holidays, or weekends, my phone is kept on the wallet...I like to be fulky present with the people I am gathering with. When at the city, on bus, while going from work to house and vise versa, I listen to videos, so I am quite aware of the soundings, I have not my eyes glued to a screen... We can only choose how to use technology and what "control" us, or not.