วันนี้ได้เข้า office เพื่อไปเจอกันเพราะจะได้ส่งท้ายปีเก่ากันเลย ก่อนที่จะลากันยาวๆ
มีเรื่องนี้ที่รู้สึกขัดใจอย่างมาก…เรื่อง
”ซื้อกองทุนหรือประกันดี จะได้เอาไปลดหย่อนภาษี“ ???
เดี่ยวนะ กองทุนหรือประกันมันคือการลงทุนไม่ใช่เหรอ แต่นายไม่สนใจเรื่องนั้นเลย
นายมุ่งแต่จะลดหย่อนภาษีอย่างเดียวเนี้ยนะ
ผมก็เลยบอกไปว่าผมไม่ซื้อพวกนี้เลย เพราะอ่านเงื่อนไขแล้ว การที่เอาเงินไปซื้อแล้วต้องทิ้งไว้ในนั้นหลายๆปี เพราะโดนบังคับถือ และพวกกองทุนพวกนั้นก็ไม่ได้ทำผลตอบแทนดีกว่าพวกเราหรอก เพลอๆติดลบสะด้วย
แล้วอีกอย่างการเอาเงินหลักแสนเพื่อไปลดหย่อนภาษีได้หลักหมื่นนี้มันก็ดูไม่คุ้มอยู่ดี
สู้เอาเงินหลักแสนไปลงทุนเองดีกว่าอีก จะขายตอนไหนก็ได้ และอีกอย่างสิ่งที่นายจะได้คือความรู้จากการที่ลองลงทุนเอง มันอาจจะเสียหายบ้างแต่มันก็คือประสบการณ์ (ยืมคำอาจารย์มาหน่อย อิอิ)
แล้วสุดท้ายเพื่อนก็ถามว่าแล้วนายเอาไปลงทุนอะไร…
ผมก็บอกว่าผม DCA Bitcoin อยู่…
เดาเอาสิครับว่าเพื่อนผมตอบว่ายังไง…ซื้อ Bitcoin เหรอมันเสี่ยงจะตายนะมากกว่าพวกกองทุนหรือประกันอีก
ผมนี้แบบอยากจะหยุมหัวแม้งจริงๆ แต่ก็ได้แต่อธิบายไป แต่สุดท้ายก็อธิบายได้ไม่นาน เพราะรู้สึกว่ามีหลายคนที่รู้สึกเบื่อๆ และดูเหมือนจะไม่เข้าใจจนมีแรงต้านออกมา สุดท้ายก็ได้หยุดอธิบายไป
และปล่อยให้แม้งมันเป็นเรื่องของมึงละกันไอสัส
#siamstr
อ่านตอนแรกแล้วสะดุ้ง งานเลี้ยงปีใหม่วันเดียวกัน แต่เนื้อหาดูน่าจะคนละบริษัท 55555
แต่เข้าใจความรู้สึกเลยครับ ผมก็มีเรื่องที่ฟังแล้วขัดใจเหมือนกัน บิตคอยเนอร์เป็นพวกคิดไม่เหมือนคนอื่น 5555
เมื่อไรจะจบสักที อยากกลับบ้านไปกินเนื้อแล้ว 555+
พวกนี้จะรอให้ bitcoin มันผ่านช่วง mass adoption ไปแล้ว ตอนที่มั่นใจกันแล้วว่า bitcoin มันเป็นเงินได้จริง ๆ
พวกนี้จะรอจนถึงตอนที่เอาเงินเก็บทั้งชีวิตไปแลกเป็นมันแล้วได้เพียงแค่ไม่กี่ µ-sats ในขณะที่คนอื่น ๆ มีกันเป็นล้าน sats
ในตอนนั้นคงจะรู้ตัวกันสักที สิ่งที่คิดกันไปเองว่ามันเสี่ยง จริง ๆ แล้วที่เสี่ยงมันคือการที่เอาแต่รอให้เวลาเฉลยความเป็นจริงออกมา
ใช่เลยครับ ตอนนี้อยากอธิบายแทบตาย ไม่มีใครฟัง แต่ในวันที่พวกนั้นอยากรู้เรื่อง bitcoin ผมจะคิดเงินมัน ถ้าไม่ให้จะไม่บอก ไล่ให้ไปหาเอาเอง
แล้วตอบกลับไปว่า วันนั้นที่อยากอธิบายไม่ฟังเอง
วันนี้ไม่อยากอธิบายละ ถ้าอยากฟังก็จ่ายมา หมดเวลาของฟรีแล้ว
555
สมัยเด็กผู้ใหญ่เล่านิทานเรื่อง“หนอนในบ่อเกลอะ 🐛”ให้ฟังครับ
กาลครั้งหนึ่งมีผึ้งบินผ่านบ่อเกลอะ แล้วเห็นฝูงหนอนอนดิ้นกันยั้วะเยี้ยะอยู่ในบ่อ ผึ้งเลยถามว่าพวกนายจะนอนในที่สกปรกอยู่ตรงนั้นทำไม? พวกนายน่าจะออกมาข้างนอกนะ มีเกสรดอกไม้ให้กินเต็มเลย แถมทุ่งดอกไม้ก็สวยมากด้วย
หนอนเลยตอบกลับไปว่า ไอ้ผึ้งโง่ แกต้องบินตากแดดร้อนๆไปหาเกสรดอกไม้ทุกวัน ส่วนข้านี่นอนกลิ้งอยู่เฉยๆเดี๋ยวก็มีคนมาให้อาหาร แถมอยู่ในนี้ก็นอนเย็นสบาย แกนั่นแหละโง่ที่ไม่ลงมาอยู่กับพวกข้า
พอผึ้งได้ยินคำตอบดังนั้นเลยตอบกลับไปว่า “เรื่องของมึง !” แล้วมันก็บินจากไปครับ 🐝
นิทานเรื่องนี้สอนว่า คงต้องปล่อยให้เป็นไปตามกรรมใช่ไหมครับ 🤣🤣
ถ้าเปรียบเหล่า #bitcoiner เป็นชาวผึ้ง เราก็คงลำบากจริงๆนั่นแหละครับ กว่าเรียนรู้ กว่าจะเข้าใจ แค่Hodlเฉยๆก็ยังยาก น่าจะเป็นสินทรัพย์ที่เรื่องมากที่สุดในโลกแล้วมั้งครับ นอนในบ่อfiatก็ดีเหมือนกัน 🤣🤣🤣
โลกนี้ยังต้องมีชนชั้นแรงงานค่ะ
คนที่สามารถรับรู้นามธรรมได้ดีและมีสติปัญญาที่หลักแหลม รวมทั้งการความสามารถในการค้นหาข้อมูลความรู้ ความสามารถในการแยกแยะข้อเท็จจริงออกจากภาพลวงตาได้ ทำให้พวกเขาเหล่านั้นสามารถมองเห็นภาพอนาคตหรือสิ่งต่างๆที่มีแนวโน้มจะเกิดขึ้นได้ในหัว
แต่คนบางกลุ่มนั้นเขาสามารถรับรู้ได้เพียงรูปธรรม เขาไม่ถนัดการรับเอาข้อมูลมากๆเข้าไปในหัว อีกทั้งยังไม่สามารถเชื่อมโยงนามธรรมจากข้อมูลต่างๆได้ มันทำให้พวกเขาไม่สามารถรับรู้ภาพของนามธรรมที่เกิดขึ้นได้ จนกว่าจะมีรูปธรรมมารองรับชัดเจน พวกเขาเหล่านั้นจึงจะยอมรับ และการยอมรับของพวกเขาเหล่านั้นก็ไม่ได้เกิดจากการเข้าใจนามธรรมอีกอยู่ดี แต่เป็นการยอมรับรูปธรรมที่ส่งผลกับตัวเขา ดังนั้น ต่อให้บิทคอยน์จะมีค่าสูงขึ้นอย่างมหาศาลต่อหน้าเขาเมื่อเวลาผ่านไป พวกเขาก็จะยังไม่เข้าใจ และพวกเขาก็จะต้องทำงาน ทำงาน ทำงานต่อไปอย่างไม่สามารถเลือกงาน หรือหยุดทำงานได้อีกอยู่ดี
ส่วนตัวมองว่างานคือชีวิต การที่เราจะทำงานเพื่อจิตวิญญาณของตัวเราได้ ความต้องการขั้นพื้นฐานต้องมั่นคงก่อน เพราะถ้าหากเราได้ทำงานที่ตอบสนองความต้องการทางจิตวิญญาณของเรา(ทำงานในสิ่งที่เรารัก) การจะทำแบบนั้นในระบบเฟียตๆ มันอาจไม่พอกิน ผู้คนจึงสามารถทำงานเพียงเพื่อแค่ให้พอมีกินได้เท่านั้น การจะได้ทำในสิ่งที่รักพร้อมกับมีกินไปด้วยมันยากมากเลยในระบบเฟียต แม้จะมีบางคนที่ทำได้ แต่ถ้ายังไม่ Exit จากระบบเฟียต มันอาจจะจบแค่รุ่นเขา เพราะมันส่งต่อไปยังลูกหลานไม่ได้
นั้นละครับ เข้าใจเลย แต่…แค่อยากให้มีคนเข้าใจเพิ่มขึ้นอีกสักคนก็ยังดี
และพอคิดแบบนั้นแล้ว ก็อดรู้สึกเศร้าไม่ได้เหมือนกัน
เดี่ยวพอราคาบิทคอยน์100k ++ มันก็จะออกมาจากใต้ก้อนหิน แล้วแหกแตรดออกมาซื้อกัน