ลองนึกภาพว่าเราเปิดแอร์เอาไว้ในห้องที่ปิดมิดชิด ที่มีหน้าต่างใส ๆ ที่แดดกำลังสาดเข้ามาในห้อง แล้วในเวลานี้แอร์มันกำลังดับไม่ได้ทำความเย็นต่อ
มันมีพวกเราคนหนึ่งในห้องกำลังนั่งจุดเทียนไขอยู่ในห้อง แล้วคนอื่น ๆ ก็เริ่มรู้สึกร้อนขึ้น แล้วก็กำลังโทษคนที่จุดเทียนว่าเป็นต้นตอทำให้ห้องทั้งห้องมันร้อนขึ้นอะครับ 555
แล้วก็กำลังบอกว่าการเก็บภาษีคาร์บอนคนที่จุดเทียนไข จะช่วยลดสภาวะของอากาศในห้องที่กำลังร้อนขึ้นได้ ไม่ก็ช่วยให้อุณหภูมิมันคงที่ไม่ร้อนไปกว่านี้
จริง ๆ ห้องที่เพิ่งจะปิดแอร์ไป ถึงไม่มีเทียนไขที่ถูกจุดตั้งเอาไว้ หรือเอาคนออกไปจากห้อง ห้องมันก็ยังร้อนขึ้นอยู่ดี
ขำ ๆ นะครับ ผมค่อนข้างไบแอสกับเรื่อง ๆ นี้ :)
#Siamstr
เห็นภาพเลยครับ ผมเอ๊ะตรงการซื้อcarbon creditได้นี่แหละครับ โคตรไม่ make sense เลย
asset ต่าง ๆ ในปัจจุบันมัน over capacity ไปไกล้มาก ๆ เลย คนที่รวย ๆ ก็เอาเงินเอา wealth ไปใส่ไว้ในหุ้น ในอสังหา ในพันธบัตร จนตอนนี้ผู้ที่คุมระบบเกมการเงินต้องหาผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ สร้าง narrative ใหม่ ๆ เพื่อสร้างมาสำหรับให้คนพวกนี้เอาไว้ผ่องถ่ายความมั่งคั่งเอาไปใส่เอาไว้
ไม่อย่างงั้น asset เดิมที่ over capacity มันจะระเบิดในสักวันหนึ่ง
ผลมันก็มาจากการที่เรามีหน่วยของเงินในระบบของ fiat ที่มากเกินไป และมันก็กระจุกตัวอยู่กับพวกอีลีทไม่มีกลุ่ม เขาก็อยากจะรักษาความมั่งคั่งของเขาต่อไป
ในอีกมิติหนึ่งของการสูบทรัพยากรของประเทศกำลังพัฒนา การออกคาร์บอนเครดิต หรือพลังงานทางเลือกที่รักษ์โลก มีเอาไว้กดให้ประเทศกำลังพัฒนาจะต้องกลายเป็นประเทศกำลังพัฒนาต่อไป เพราะไม่ว่าจะโซล่าเซลล์ กังหันลม ฯลฯ มันมีประสิทธิภาพการผลิตพลังงานที่ต่ำ เมื่อเทียบกับค่าใช้จ่ายในการติดตั้งที่สูง เมื่อเทียบกับถ่านหิน ก๊าซธรรมชาติ น้ำมัน หรือนิวเคลียร์
จริง ๆ น่าจะยังผลไปเรื่องอื่น ๆ อีก อย่างเรื่องสุขภาพอาหารการกิน การคุมความประพฤติประชากร ฯลฯ อาจจะมีอีกเยอะเลยว่าพวกเขามีแผนจะทำอะไรกันแน่ สงสัยในแง่ร้ายไว้ก่อนก็ไม่แปลก เพราะถ้าจริง ๆ แล้วมันไม่ได้มีอะไร มันก็เป็นเรื่องดีที่เราแค่คิดไปเอง :)