จากเพจพูด… ที่มีผู้คนติดตามกว่า 504,000 คน
คุณจะรู้ไหมว่า ข้อมูลที่คุณให้ในด้านสิทธิมนุษยชนคือการพรากเสรีภาพไปแบบไร้อย่างอายโดยรัฐ
และ ผู้ที่ติดตามเพจนี้ เพื่อนิยมชมชอบ คือ ผู้ที่ไม่เข้าใจคำว่าเสรีภาพ ที่แท้จริง
จากคลิปนี้ เพจพูดได้ยก Scenario เกี่ยวกับ จักรวรรดิออสเตรียฮังการีเดิมที่ได้ แตกออกก่อนช่วงสงครามโลก(Pre-war) และ หลังสงครามโลก(Post-war) โดยยกตัวอย่างอัตราเงินเฟ้อที่สูงมากขึ้น เพื่อแข่งขันกับความยากจน รัฐบาลออสเตรีย ขณะนั้น ได้เข้ามาทำการ subsidized เรื่องที่อยู่ และได้ขึ้นมามีอำนาจ ในการควบคุมการเป็นผู้ผลิต
หลังจากนั้นได้ privatize รอบที่สองโดยกรรมสิทธิ์นั้นตกลงเป็นของการรวมศูนย์อำนาจของชุมชน โดยที่พวกเค้าจะต้องจ่ายค่าเช่าให้กับรัฐ และรัฐสามารถที่จะออกแบบ สิ่งต่างๆ ได้เอง ทั้งในด้านปฏิมากรรมและการออกแบบต่างๆ แต่เมื่อคุณไปพิจารณาดูให้ดี และ ลองมองดูให้ดีอีกครั้ง คุณจะพบว่า มันคือแฟลตโง่ๆ กลางเมืองที่ทำให้คุณไม่อดตาย คุณลองจินตนาการถึงสีหนุวิลล์(เขมร) ก็คงไม่ต่างก้น หากประเทศไทยอย่างเราๆคิดจะทำ
ข้อแรกเลยคือ ทุน ที่ไม่สามารถกระจายได้จริง นี่คือสิ่งที่ไม่ได้ทำให้เกิดความ เจริญในพื้นที่นั้นๆ เพราะมันมีเรื่องทรัพยากรณ์จากความสามารถของมนุษย์ หรือ ความเป็นธรรมชาติ ในการค้นหาความสามารถ
เมื่อเราลองย้อนมามองสิ่งต่างๆก่อนว่า จักวรรดิออสเตรียในอดีตเติบโตมาจากการค้าขาย และ อาณาเขตติดกับปรัสเซีย ซึ่งเป็นแหล่งทุนทำสงครามก่อนยุคเจริญปัญญา อัตราการส่งออกที่มีมากขึ้น รวมถึงนักคิดหลายๆคน เปรียบเสมือนความเจริญของตะวันตก
ดังนั้นไม่ต้องแปลกใจว่าทำไม ประเทศนี้ถึงมีเงินมาทำเรื่องพวกนี้ แม้จะเป็นช่วง post war หรือ หลังสงครามก็ตาม
ข้อสอง แนวคิด Nihilism ซึ่งสำหรับผมมันน่ากลัวกว่า Socialism และที่สำคัญมันมักจะมาพร้อมกัน เช่นรัสเซียในอดีต Nihilism คือสภาวะทางสังคมหรือผู้ที่สมาทานแนวคิดว่า ทุกอย่างคือสิ่งที่ไร้ค่า หรือ ปลายทางคือนั้นไร้ความหมาย ซึ่งดึงดูดถึงอารมณ์และความใคร่ส่วนบุคคล
การสมาทานทางด้านอารมณ์ของบุคคลนั้นจึงเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจริง หรือ การหาความสุข เสพติดความสุข มองว่าความสุขคือทุกอย่างและคุณค่า
แต่ความจริงแล้วชีวิตคือการสร้างคุณค่าหรือการดิ้นรนเพื่อผ่านความทุกข์ไปต่างหาก
หากรัฐสามารถ subsidize คุณได้ อีกไม่นาน ก็คงสำเร็จความใคร่ ผ่านการโกหกคุณได้เช่นกัน
บ้านคือปัจจัยสี่ แต่เมื่อบ้านมีคนโกหกสร้างให้ ปัจจัยต่างๆที่เหลือน้อยลง คุณจะถวิลหาสิ่งใด หากชีวิตไม่มีความหมาย หรือ ความตายเท่านั้นที่พึงปราศนาให้พ้นทุกข์
https://youtu.be/tq4JMe_-Fdc?si=lTXy0a2ZxLGE9nLU
#siamstr
Ludwig von Mises และ Friedrich Hayek เกิดและโตในออสเตรียก่อนช่วงสงครามโลก ส่วน Mises เคยเข้าไปพัวพันกับ Nazi ช่วงหนึ่งเพื่อต่อต้านเหล่าคอมมิวนิส แต่เค้าบอกว่าสิ่งที่ Nazi ทำคือสังคมนิยม ที่เหมือนกระจกคนละด้านของ Communism และ ในที่สุดช่วง ปี 1939 เค้าได้ย้ายจากกออสเตรีย มาที่อเมริกา หลังจากการไล่ล่าชาวยิวของ Nazism
F.A. Hayek นั้นได้ไปเป็นอาจารย์ที่ LSE ก่อนจะไปสอนต่อที่ Chicago
อีกคนหนึ่งซึ่งเป็นอาจารย์ของ Mises และเป็นลูกศิษย์ ของ Menger มีชื่อว่า Eugen-Von- Bomh Bawerk เป็นรัฐมนตรีกระทรวงการคลังของจักรรวดิออสเตรียฮังกรารีเดิม
เศรษฐศาสตร์สำนักออสเตรียน จึงมีแนวคิดที่เป็นเสรีนิยม ที่สมาทานความคิดแนวเสรีนิยมดั้งเดิม(Classical Liberalism) เอาไว้
เดี๋ยวอีกหย่อยเพจพูดคงขอให้รัฐเคี้ยวข้าวให้
เพจพูดสมาทาความเชื่อ แบบ Anarcho-Syndicalism มีจุดอ่อนตรงสมาทานความเชื่อที่ว่าโลกมีความเท่าเทียมแบะไปพร้อมกัน
ซึ่งมันขัดกับลักษณะภูมิศาสตร์ซึ่งเป็นผลต่อระบบหรือสิ่งที่เราเรียกว่า “ธรรมชานิเป็นอย่างมาก แน่นอนว่าหลักการของ syndicalism ไม่ต่างจาก Christian หรือ เยซูคริส ที่เชื่อว่าระบบหรือการสร้างคุณงามความดีจะทำให้เค้าได้รับสิ่งที่ดี
อำนาจ มันมีอะไรมากกว่านั้น และเจตนารมณ์ที่มีเท่ากัน เหมือนการที่ทุกคนมีอำนาจเท่ากันเลยเป็นเรื่องหลอกลวง ที่ชาวคริสเตรียนเชื่อ
ดังนั้น ความเท่าเทียม คือความหลอกลวง
สภาวะทางสังคมนิยมในรูปแบบการจัดการผ่านเสียงข้างมาก จึงใช้ไม่เคยได้ผลในสังคมระดับปัจเจกนิยมชน
ทรัพยากรสำหรับพวกเค้า เสกเอาจากอากาศไดั เลยเห็นความคิดอะไรพิลึกๆตลอด