ปรากฏการณ์ของการโต้กลับ ? เมื่อวานนี้ได้อ่านโพสอาจารย์ตั๊มที่เป็นเชิงตั้งคำถามว่า “ทำไมพรรคแบบ Libertarianism ถึงไม่เกิดในไทย” ผมจะเจาะลงไปที่ประเด็นนี้ คำถามสำหรับผมคือมีผู้เข้าใจคำว่า Libertarianism กี่คน ? ณ ตอนนี้กี่คน ซึ่งไอ้เพจที่พอจะหวังพึ่งได้ก็หันหน้าหาฟาสซิสไปซะแล้ว ผมเล่า movement หนึ่งให้ฟังคือ อาเจนติน่า การขึ้นมาของ Javier Milei คือการขึ้นแบบพรรคประชานิยม ย้ำ! ประชานิยม โดยมี Momentum คือการลดการพึ่งพิงอำนาจรัฐ และ การเจรจาในการดำเนินนโยบายรัฐที่เป็นเส้นขนานกับพรรค Conservative คุณรู้ไหม แม่งเหมือนพรรคเพื่อไทยเปรี๊ยบ คือ “กูต้องการเป็นรัฐบาล” ซึ่งบ้านเค้ามันก็ตั้งง่ายเพราะพรรค Liberal แม่งชนะเสียงอันดับหนึ่ง ส่วนบ้านเราพรรคอันดับหนึ่ง เค้าให้ไปจับมือคนอื่นไม่ยอมไป เพราะ “ฉันเป็นนักศีลธรรมที่สำเร็จความใคร่ทางอุดมการณ์ เมื่อไม่ให้ฉันก็จะเป็นพระเอกรอเป็นเผด็จการเสียงข้างมากอยู่” ผลก็คือ ประชานิยมพรรคฝ่ายซ้ายโดนยุบไปเมื่อวานหมาดๆ สมน้ำหน้ามัน แต่วัชพืชยังไงก็เป็นวัชพืช แม่งเกิดเป็นย่อม และ มีเพียงพวกคนโง่ที่คิดว่ามันคือสิ่งจำเป็น สิ่งที่ผมต้องการจะสื่อก็คือ ประเทศไทยยังไม่ถึงจุดที่วิกฤตขนาดนั้น หรือ ต่อให้มันเกิดวิกฤต เดี๋ยวประมุขตัวจริงก็ลงมาโปรดอีก ใช่ ผมพูดถึงสถาบันกษัตริย์นั่นแหละ มันเป็นแบบนี้และจะเป็นแบบนี้ แต่ผมมีเค้าโครงว่าไม่อาจจะมั่นใจในพระมหากษัตริย์องค์ถัดไปต่อจากนี้ เพราะหากว่าการตัดสินพระทัยที่แปลกๆจากแนวคิดต่างชาติ อาจจะทำให้มีการเปลี่ยนแปลงจากด้านบน ถึงตอนนั้นเราก็หวังว่าประชาชนจะไม่โง่ยอมให้กษัตริย์โดนถลุงแบบรัสเซียก็พอ ทุกคนล้วนรู้ว่าสิ่งที่เป็นไปตามธรรมชาติ หรือ เกิดเป็นสภาวะธรรมชาติเป็นเช่นไร แต่ไม่เคยมองเรื่องการเกิดขึ้นซ้ำซ้อน ผมยกตัวอย่างของสิ่งที่เกิดขึ้นล้วนรอวันล่มสลาย เหมือนชีวิตเรา มันคือจิตวิญญาณ ใน “สภาวะความเป็น” อย่างนั้นๆ แม้แต่ตัวระบบเอง ในอารยธรรมนั้นเกิดสิ่งที่เรียกว่าการโต้กลับอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งการสร้างอารยธรรมนี่แหละที่แปลก เพราะสิ่งเหล่านี้เริ่มต้นจากความเชื่อเล็กๆ ของเหล่าปัจเจกว่า สิ่งเหล่านี้คือสิ่งดีงาม และสิ่งที่สวยงามก็คือ สภาวะที่มีชีวิตของความเป็นนั้น ไม่ได้ซื่อตรงต่อมนุษย์ เสียสักเท่าไหร่ ดั่งเช่นอุดมคติ หากผมบอกว่าเศรษฐศาสตร์ออสเตรียน นั้นดี ผมก็ตำหนิมันได้ว่าบางส่วนมิสเซสนำเอาปรัชญา คานส์มาอธิบาย ความเป็นระบบที่ดี มากกว่าเข้าใจมนุษย์ แต่เรื่องที่ถูกต้องที่สุดและมันยังใช้ได้ผล คือ การเจริญเติบโต หรื เราพูดง่ายๆว่า ตลาดเป็นสิ่งมีชีวิต ที่เราสร้างและคอยหล่อหลอม ในการแลกเปลี่ยนพลังงานทางด้านคุณค่า ย้อนกลับไปถึงคำถามว่าทำไมจึงไม่เกิดพรรค Libertarianism คำตอบมันก็อาจจะง่ายๆ ว่า เรายังเจ็บกันไม่มากพอ และเมื่อย้อนไปมองประวัติศาสตร์ทางด้านเศรษฐกิจ ก็จึงไม่แปลกใจทำไมคนที่ไม่เข้าใจหรือสนับสนุน Laissez Faire capitalism เพราะ ประเทศเรายังไม่เคยมีการปฏิวัติทางทุนนิยม มีเพียงปฏิวัติทางสังคม -เราพึ่งมีทุนนิยมร่วมๆ 30 กว่าปี ที่เป็นระบบทางเศรษฐกิจ -เราไม่มีปฏิวัติอุตสาหกรรม ที่นำเอาชาวไร่ชาวสวนไปสร้างงานใหม่ๆ ตามปริมาณค่าเฉลี่ย -เราไม่มีการยกระดับชนชั้นอย่างชัดเจน มีเพียงแต่ ระบบศักดินาบ้านๆ -ประเทศเรารวมทุกภาคไม่เคยเกิดตลาดเสรีทุนอย่างแท้จริง นอกจากการบังคับจากรัฐ -ประเทศเราดำเนินตามทุนนิยมแห่งรัฐ มิใช่ทุนนิยมเสรี แต่สิ่งที่ยังน่าปราบปลื้มใจก็คือเราไม่ถูกยึดไปโดยพวกคอมมิวนิสต์หลังปฏิวัติ
เพจที่ว่าเพจไรครับ
อิสระนิยมศึกษา libertarian study
ยังไงครับ
เข้าไปฟังในดิสของเค้าแล้วจะรู้ครับ เพราะ ผู้ดูแล คนใหม่เป็นยังไง
ผมฟังแค่5นาทีช่วยเหลาได้มั้ยครับว่าเป็นไง
มันมีช่วงนึงที่เข้าไปฟังในห้องดิสคอด แล้วพูดถึงการมีผู้นำที่จะสนับสนุนทุนนิยม จะต้องมีความฟาสซี๊ดมากกว่านี้ ซึ่งอ้นนี้มันคือการหวังพึ่ง รบ ให้มาจัดการชีวิตงะ แล้วมันคงไม่จบตอนหลังจากเลือกผู้นำแน่ๆ ถ้าเกิดบ้าอำนาจขึ้นมา ปท ก้กลับสู่ช่วงฮิตเล่อกันพอดี แล้วกลุ่มใน fb ชื่อเดียวกัน ถ้าลองอ่าน comment ในบาง post ดีๆ ก้จะมีบรรยากาศประมาณนี้เรย
ประเด็นมันไม่ใช่ ฟาสซิสในมุมมองที่เราเข้าใจ เราต้องเข้าใจก่อนว่าตอนนี้ผู้ดูแลเพจแม่งเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา แต่ผู้ที่ศึกษา Julius Evola หรือ Oswald Spengler แม่งมองการปฏิวัติแบบโลกเก่า หรือ มองที่อำนาจ As a Bitcoiner ผมเลยให้การสนับสนุน ผู้ที่มีอำนาจผ่านระบบเงินที่ดีมากกว่า ผู้ปกครองจากระบบห่วยๆ