(4/4)
หนำซ้ำ หากบรรดานายทุนและรัฐบาลคิดจะฮั้วกันขึ้นมา เค้าสามารถหยิบเอาปัญหาที่เค้าสร้างขึ้นมาเองนี้ มาเป็นข้ออ้างในการสร้างความชอบธรรมและเพิ่มอำนาจให้ตัวเองได้อีก
สถานการณ์สมมติ: สมมติว่า บ. จัดการเงินลงทุนยักษ์ใหญ่คิดชั่ว เค้าสามารถเอาเสียงโหวตจากเงินของประชาชนที่เค้าบริหารเงิน ไปโหวตเลือกคนของเค้า ไปโหวตสนับสนุนนโยบายเอื้อประโยชน์ให้ บ. ที่เค้าอยากดัน หรือสนับสนุนนโยบายของรัฐบาล ที่ฟังดูดีรับผิดชอบต่อสังคม แต่สร้างความได้เปรียบให้พรรคพวกและกีดกันคู่แข่งทางอ้อม (ESG แค่กๆๆ!!) ได้ง่ายกว่าบนระบบ sound money ที่คนไหนไม่สนใจลงทุนก็แค่เก็บเงินเอาไว้เฉยๆ ไม่ต้องไปเพิ่มสิทธิ์การตัดสินใจทางธุรกิจให้แก่ใคร
ภายใต้ระบบเงิน fiat คนที่พยายามวิ่งหนีมัน อาจไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังถูกนำเสียงโหวตไปใช้สนับสนุนนโยบายที่ทำร้ายสังคมในระยะยาว
หากแผนร้ายนี้สำเร็จ บ. ใหญ่ๆ ที่มีสายสัมพันธ์ที่ดีกับรัฐบาลและ บ. จัดการการลงทุน จะมีกำไรมากขึ้น ธุรกิจรายย่อยเกิดใหม่และแข่งขันได้ยาก เกิดการผูกขาด สินค้าและบริการคุณภาพด้อยลง ความเหลื่อมล้ำถ่างออก เพราะตลาดไม่เสรี
เค้าก็จะใช้ผลลัพธ์ที่แย่ลงนี้แหละครับ ในการอ้างว่ารัฐบาลต้องเพิ่มการกำกับดูแลมากขึ้น เห็นมั้ยว่า บ. ใหญ่ๆ ต่างก็โตเอาๆ ไอ้พวกนี้มันเห็นแก่ตัว หวังแต่ผลกำไร รัฐต้องเข้ามาช่วยแทรกแซงและกระจายทรัพยากร ไม่ให้สังคมพังทลาย คนต้องเข้าถึงโอกาสอย่างเท่าเทียม ไม่ใช่คนรวยเท่านั้นที่มีโอกาส (ลูกไม้เดิมๆ)
และถ้าคุณหวังว่าจะมีจุดให้คุณชี้ประเด็นว่าต้นตอของปัญหามันเกิดมาจากแนวคิด interventionism ให้ภาครัฐแทรกแซงแบบสังคมนิยม กับระบบเงิน fiat ต่างหาก ก็อย่าหวังง่ายๆ ครับ
เค้า coin คำศัพท์ขึ้นมาไว้เรียบร้อยแล้ว เค้าจะโทษว่าปัญหาทั้งหมดเกิดมาจาก financial capitalism!!!
เพราะไอ้พวกนายทุนมันออกแบบเครื่องมือทางการเงินอันซับซ้อนขึ้นมาเพื่อหวังฟันกำไรหรอก ไอ้พวกนี้มันทำนาบนหลังคน นั่งอยู่ในห้องแอร์โยกตัวเลขไปมาก็รวยเอาๆ คนจนก้มหน้าก้มตาเป็นทาสให้ตายก็ได้แค่เศษเงิน เราต้อง tax the rich! eat the rich!! โปรดให้อำนาจเราในการปราบปรามทุนนิยมสามานย์
ทุนนิยมจะถูกทาสีเป็นปิศาจเสมอ เพื่อกลบเกลื่อนความผิดพลาดของเหล่า central planner ครับ!!