น่าสนใจ, เอาจริง ๆ สำหรับมนุษย์อย่างเรา ๆ ปัญหาหนึ่งเลยคือการตีความความหมายของสิ่งที่รับรู้มันไม่เหมือนกัน กล่าวคือเมื่อมีคนพูดถึงสิ่งที่เรียกว่า “วิญญาณ” คนที่มีประสบการณ์อย่างหนึ่งจะบอกความหมายอย่างหนึ่ง คนที่มีประสบการณ์อีกแบบจะบอกความหมายอีกแบบ คล้าย ๆ แบบนี้
“บิตคอยน์” : no coiner อ่อ..สแกม
“บิตคอยน์” : cryptonian อ่อ..เหรียญคริปโต
“บิตคอยน์” : bitcoiner อ่อ..เงินสร้างยาก
เช่นกัน “วิญญาณ” ของพุทธ = ธาตุรู้, สิ่งที่เกิดขึ้นก่อน ‘ภพชาติ’ “วิญญาณ” เปรียบเสมือนกับ ‘ลำแสง’ ที่กำลังตกลงกระทบกับ ‘ฉาก’ [รูป, เวทนา, สัญญา, สังขาร] หรือหากไม่มีฉากกัน แสง (วิญญาณ) ก็ผ่านไปเฉย ๆ ‘ภพจึงไม่เกิด’
สรุปคือ ของทางพุทธ “วิญญาณ” คือกระบวนการ, ไม่ใช่รูปลักษณ์หรือตัวตนที่กำลังทับซ้อนอยู่กับกายเนื้อ ไม่ใช่ของที่เมื่อกายแตกดับไปแล้ว จะมีสิ่งที่เป็นวิญญาณพุ่งออกไปจากกายเนื้อ หรือเมื่อกายตายกระบวนการก็หยุดไปตามกายคือ วิญญาณก็จะตายไปตามกายที่ตายลง
ซึ่งเทียบแบบในต้นท้างกับความเชื่ออื่น ๆ แบบนั้นก็ไม่ถูก เพราะ “วิญญาณ” ในทางศาสนาที่มีพระเจ้าคือสิ่งที่ถูกพระเจ้าให้มา เป็นสิ่งที่จับต้องได้จริง คือพวกเขามองแยกกันเป็น 2 เลเยอร์ ระหว่างร่างกายฝ่ายเนื้อ (ใช้เพื่ออยู่บนโลก) และร่างกายฝ่ายวิญญาณ (ใช้เพื่อกลับสู่พระเจ้า) ‘ไม่ใช่กระบวนการ’ อย่างที่พุทธเข้าใจ แต่มันคือตัวตนอีก 1 ตัวตนของเราจริง ๆ
ในไบเบิล โรม 7:21-25 เปาโลบอกว่า “ตัวของเขาเข้าใจธรรมบัญญัติของพระเจ้าว่าเป็นสิ่งดี แต่ตัวเขาเองก็มีความคิดหนึ่งที่โน้มเอียงให้ตัวเขาไม่อยากทำตามบัญญัติ” สิ่งนี้สะท้อนความเป็นมนุษย์คือ ในเลเยอร์ของความคิดในฝ่ายวิญญาณอยากจะทำในสิ่งที่ดีเพื่อพระเจ้า แต่ในกายฝ่ายเนื้อหนังที่มีความต้องการ มีตันหาราคะ กำลังสร้างความขัดแย้งระหว่างกันและกันในทั้ง 2 เลเยอร์ จากตรงนี้มันจึงกำลังบอกกับเราว่า คนที่เชื่อในพระเจ้ามี 2 สิ่งที่กำลังทับซ้อนกันอยู่จริง ๆ ซึ่งเมื่อตายมันจะแยกออกจากกัน
“วิญญาณ” พุทธ : กระบวนการ
“วิญญาณ” ศาสนาที่เชื่อในพระเจ้า : ตัวตน
เรียกเหมือนกัน แต่เข้าใจไม่เหมือนกัน แล้วใครเข้าใจถูกกว่ากัน? #Siamstr
บางครั้งเราจะต้องแยกมันออกจากกัน เพื่อที่เราจะใช้เครื่องมือแต่ละอันให้ถูกกับวัตถุประสงค์ของมันจริง ๆ
https://image.nostr.build/dbc64034a94e363fa43bcdfc192442a09ee9c9fbf5231d10c8104bc2949bf163.jpg