คำว่า "เอ็กโตมอฟ" (Ectomorph), "เมโซมอฟ" (Mesomorph), และ "เอนโดมอฟ" (Endomorph) เป็นคำที่ใช้เพื่ออธิบายประเภทของร่างกายในทฤษฎีสัณฐานวิทยาของเชลดอน (Sheldon’s somatotype theory) ซึ่งพัฒนาโดย ดร. วิลเลียม เอช. เชลดอน ในช่วงต้นทศวรรษ 1940 ทฤษฎีนี้เชื่อว่ามีสามประเภทหลักของร่างกายและว่าแต่ละประเภทมีความเชื่อมโยงกับลักษณะนิสัยและแนวโน้มทางจิตใจของบุคคลนั้นๆ
1. เอ็กโตมอฟ (Ectomorph) - ประเภทร่างกายที่ผอมและมีกระดูกเล็ก
- ผู้ที่มีร่างกายประเภทนี้มักมีไขมันในร่างกายต่ำและมีความยากลำบากในการเพิ่มมวลกล้ามเนื้อหรือน้ำหนัก
- มีลักษณะเด่นคือ บ่าแคบ, ไหล่และสะโพกที่เ narrow, และมักมีเมตาบอลิซึมที่เร็ว
- ตามทฤษฎีของเชลดอน บุคคลที่มีร่างกายแบบเอ็กโตมอฟมักจะเป็นคนที่เข้าใจยากและมีนิสัยเก็บตัว
2. เมโซมอฟ (Mesomorph) - ประเภทร่างกายที่มีลักษณะเป็นกล้ามเนื้อและโครงสร้างกระดูกที่แข็งแรง
- ผู้ที่มีร่างกายประเภทนี้มักมีความสามารถในการเพิ่มกล้ามเนื้อได้ง่ายและมีการแบ่งพื้นที่ของไขมันและกล้ามเนื้อที่ดี
- มีลักษณะเด่นคือ ไหล่กว้าง, หน้าอกที่พัฒนาดี, และรูปร่างที่เป็น Athletic
- ตามทฤษฎีของเชลดอน บุคคลที่มีร่างกายแบบเมโซมอฟมักจะเป็นคนมั่นใจในตัวเองและมีลักษณะของความเป็นผู้นำ
3. เอนโดมอฟ (Endomorph) - ประเภทร่างกายที่
มีลักษณะกลมและมีไขมันในร่างกายมากกว่ากล้ามเนื้อ
- ผู้ที่มีร่างกายประเภทนี้มักมีไขมันสะสมง่ายและมีความยากลำบากในการลดน้ำหนัก
- มีลักษณะเด่นคือ มีรูปร่างที่กลมและนุ่มนวล เช่น ไหล่ที่กลมและเอวที่กว้าง
- ตามทฤษฎีของเชลดอน บุคคลที่มีร่างกายแบบเอนโดมอฟมักจะเป็นคนสบายๆ และชอบความสงบ
ทั้งนี้ ทฤษฎีสัณฐานวิทยาของเชลดอนได้รับการวิจารณ์ในด้านของหลักฐานทางวิทยาศาสตร์และความสัมพันธ์กับบุคลิกภาพที่ไม่ชัดเจน ทำให้ในปัจจุบันนักวิทยาศาสตร์ส่วนใหญ่ไม่ยอมรับทฤษฎีนี้เป็นหลักการในการศึกษาลักษณะของร่างกายหรือบุคลิกภาพอีกต่อไปแล้ว แต่ทฤษฎีนี้ยังคงเป็นที่นิยมในหมู่บางกลุ่ม เช่น ในสายการศึกษาด้านฟิตเนสและการออกกำลังกาย.
Siamstr