Oddbean new post about | logout
 โอบเอื้อเจือตาย (Lost Care)

นิยายที่ตีแผ่ปัญหาสังคมผู้สูงอายุของญี่ปุ่น เปิดเรื่องมาที่ 'เขา' ได้เข้าไปฆ่าผู้สูงอายุตามบ้านที่อยู่ในสภาพที่ติดเตียง ช่วยเหลือตัวเองไม่ค่อยได้ โดยวางแผนไว้อย่างละเอียด 

เนื้อเรื่องดำเนินไปต่อด้วยเรื่องราวของความเหนื่อยยากของลูกที่ต้องรับผิดชอบพ่อ/แม่ที่อายุมากและพ่วงมาด้วยโรคอัลไซเมอร์ที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ วันดีคืนดีก็หลงลืมว่าคนที่เช็ดตัวทำความสะอาดหลังขับถ่ายนี้คือลูก ก็มักจะอาละวาดด้วยคำพูดและทำร้ายร่างกาย 

คนที่เป็นลูกเองก็มีลูก (หลานของผู้ป่วย) แล้วดันเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวที่สามีทำร้ายร่างกายเลยหนีมาอยู่กับแม่ ต้องดูแลไปรับ-ส่งลูกที่โรงเรียน งานประจำที่เคยทำก็ต้องออกมาทำพาร์ทไทม์แทนเพราะต้องคอยดูแลแม่ รายได้ก็ไม่ค่อยพอสำหรับ 3 ชีวิต ต้องมีค่ารักษาพยาบาล เหนื่อยสายตัวแทบขาดและโดนแม่อาละวาดใส่เพราะจำไม่ได้ว่าตนเป็นใคร บางวันก็เดินออกจากบ้านไปต้องไปตามหากันอีก พอเหนื่อยเข้าก็เผลออารมณ์เสียและลงไม้ลงมือกับลูกชาย นั่งรู้สึกผิดและแวบหนึ่งอยากให้แม่ 'เสียชีวิต' ไปซะ จะได้สบายกันทั้งสองฝ่าย 

เมื่อวันที่รู้ว่าแม่เสียชีวิต (แต่ยังไม่รู้ว่า 'เขา' ฆ่า) ตัวเองก็รู้สึกเสียใจปะปนกับความโล่งใจที่จะได้เป็นอิสระเสียที 

นิยายยังพาเราไปเห็นปัญหาของการออกกฎหมายต่าง ๆ หลังจากที่ธุรกิจบ้านพักผู้สูงอายุเอกชนสำหรับคนระดับบนที่มีเงินพอจ่ายแต่ไม่มีเวลานั้นได้รับความนิยมสูง เริ่มมีการปฏิรูประบบประกันของผู้สูงอายุ เช่น การติดตามผู้ใช้บริการไปเดินเล่นได้ถูกตัดออกจากความคุ้มครองเนื่องจากถือว่าเป็นบริการเกินความจำเป็น ดังนั้นบ้านพักผู้สูงอายุในหน่วยงานท้องถิ่นจึงไม่มีกิจกรรมนี้ให้ผู้สูงอายุอีกต่อไป แต่เจ้าหน้าที่หลาย ๆ คนที่บริการด้วยใจรักก็ไม่กล้าปฏิเสธหากมีผู้ใช้บริการร้องขอให้พาไปเดินเล่น เพราะในสัญญาที่เซ็นก่อนเข้ารับบริการถือว่าเป็นบริการที่อยู่ในความคุ้มครอง แต่หากอ้างกฎหมายใหม่จะถือว่าเป็นการทุจริต กลายเป็นความเครียดที่สะสมทั้งผู้ใช้บริการและเจ้าหน้าที่ 

ระบบประกันที่ปฏิรูปใหม่นี้หลาย ๆ คนจึงมองว่าเป็นระบบประกันที่ใช้การไม่ได้ ภาระทั้งหมดจึงตกอยู่กับเจ้าหน้าที่ที่ต้องมารองรับอารมณ์ เป็นเหตุให้ turnover สูง คนที่อยู่เพราะอุดมการณ์จริง ๆ ก็เริ่มไม่ไหวค่อย ๆ หมดไฟกันไป นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ผู้หญิงยังถูกลวนลามโดยผู้ใช้บริการ เดิมทีที่มาทำงานนี้ด้วยอุดมการณ์ที่เปี่ยมล้นและมุ่งมั่นกลายเป็นซอมบี้ วันนึงก็รับไม่ไหว สุดท้ายก็ต้องลาออกไปทำอาชีพอื่นที่สบายกว่า

ส่วนตัวเราชอบบทท้าย ๆ ที่อัยการผู้ตงฉิน รักความยุติธรรม เกิดมาเพื่อทำงานด้านนี้โดยเฉพาะ มีอุดมการณ์ที่แน่วแน่ และเป็นหนึ่งในคนที่ส่งพ่อเข้าไปรับบริการที่บ้านพักผู้สูงอายุของคนรวยได้พูดคุยกับ 'เขา' ที่ถูกพิพากษาประหารชีวิต อัยการพยายามทำให้ 'เขา' สำนึกผิดในสิ่งที่ทำและเชื่อว่าไม่มีใครสมควรถูกฆ่าเพียงเพราะเป็นภาระ แต่ 'เขา' ก็โต้ตอบไปว่าทีอัยการพูดแบบนี้ได้เพราะอยู่ในพื้นที่ปลอดภัย เกิดมาพร้อมทุกอย่างไม่ว่าจะฐานะทางสังคม ชื่อเสียงเงินทอง แตกต่างจากคนที่อยู่ปากเหวพร้อมที่จะตกลงไปได้ทุกเมื่อ ไม่เคยรู้ว่าคนที่สิ้นหวังนั้นรู้สึกยังไง และหากอัยการจะเรียก 'เขา' ว่าฆาตกรแล้ว คนที่สั่งประหารก็ไม่ต่างอะไรจากฆาตกรอยู่ดี 

และอีกช่วงที่เรารู้สึกว่ามันสะกิดต่อมให้คิดว่าถ้าเราตกอยู่ในสถานการณ์นั้นเราจะรู้สึกแบบไหนคือ ระหว่างที่ทีมอัยการได้คุยกับญาติของผู้สูงอายุที่ถูก 'เขา' ฆ่าว่ารู้สึกอย่างไร เพื่อหาหลักฐานและข้อมูลไปโน้มน้าวศาลให้พิพากษาตัดสินโทษสูงสุด แต่อัยการก็ต้องแปลกใจว่าญาติหลาย ๆ คนนั้นยอมรับว่ารู้สึกโล่งเมื่อพ่อแม่เสียชีวิต เนื่องจากตัวเองก็เหนื่อยที่ต้องมารับผิดชอบ แต่อัยการก็เลือกที่จะมองข้ามและไม่นำส่วนนี้บันทึกลงไป 

แต่หลังจากที่ทีมอัยการกลับไป ญาติเองก็รู้สึกแย่กับตัวเองที่มีความคิดแบบนี้และนึกย้อนกลับไปเมื่อตอนตัวเองยังเด็ก แม่ที่เลี้ยงดูตัวเองในอดีต จนกระทั่งแม่ป่วยเป็นอัลไซเมอร์ติดเตียง ความรู้สึกสับสนปนเปทำให้ตัวเองแทบจะเป็นบ้า 

"ผู้คนมากมายดิ้นรนอยู่ท่ามกลางความรักกับความรับผิดชอบตรงก้นหลุม หนำซ้ำคนในประเทศนี้ยังยัดเยียดสำนึกอันดีที่ไน้ความสร้างสรรค์โดยไม่คิดจะช่วยฝังกลบหลุมพวกนั้น แถมยังไล่ต้อนพวกเขาให้จนมุมยิ่งขึ้น"

"ที่กล้าผู้แบบนั้นเพราะคุณอยู่ในที่ปลอดภัยจริง ๆ สินะ คุณกำลังสั่งสอนคนจมน้ำไร้ที่พึ่งให้ยึดเกาะว่าชีวิตคืออะไร ความดีคืออะไรจากบนเรือสำราญอยู่นะครับ วิเศษจริง ๆ ยอดเยี่ยมมาก! หากเป็นไปได้ผมก็อยากมีชีวิตแบบนั้นเหมือนกัน"
#Siamstr #Book #Bookstr #Reading

https://image.nostr.build/fa0d43d78ebf900d3a5bbe45d3b7b66012f3c570868046a73014ba3ef5af1ba3.jpg