ทุนนิยม มูลค่าส่วนเกิน เงินเฟ้อ และบิทคอย จุดเด่นของระบบทุนนิยมและเป็นจุดที่มาร์กซ์โจมตีหนักมากคือการขูดรีดแรงงาน ถามว่าแรงงานถูกขูดรีดผ่านช่องทางไหนเพราะลำพังการบังคับด้วยกำลังหรืออำนาจย่อมไม่ยังยืนและยังสุ่มเสี่ยงต่อการถูกต่อต้านจากมวลชนจำนวนมากซึ่งสุดท้ายจะกลับมาทำร้ายนายทุนเสียเอง นั่นจึงมาสู่ระบบของมูลค่าส่วนเกิน ซึ่งหากจะสมมุติอยากจะให้ลอกนึกภาพการผลิตสินค้าขึ้นมา 1 ชิ้น ในราคาสินค้า 1 ชิ้นจะประกอบไปด้วยคือ หนึ่งทุนตั้งต้นหรือวัตถุดิบ และสองคือค่าแรงที่ต้องจ่ายให้กับแรงงาน ปัญหาความเครียดของระบบทุนนิยมจะไม่เกิดขึ้นหากราคาของสินค้าประกอบเพียงแค่สองอย่างนี้ แต่ระบบกลับสร้างส่วนประกอบของสินค้ามาอีก 1 อย่างนั่นคือ “มูลค่าส่วนเกิน” คนทั่วไปจะรู้จักมันในความหมายคือ “กำไร” ซึ่งมาร์กซ์ได้เตือนเราไว้แล้วว่า มูลค่าส่วนเกินนี้จะก่อให้เกิดปัญหาที่จะทำให้ แรงงานถูกทำให้แปลกแยกจากสินค้าที่ตนเองผลิต เพราะกำลังแรงงานที่ตนเองลงไป(หรือรายได้)ในสินค้าที่ตนเองผลิตสุดท้ายจะไม่สามารถกลับนำมาซื้อสินค้าที่ตนเองผลิตได้เท่าที่แรงงานที่ตนเองทุ่มลงไปเพราะมันจะมีส่วนเกินของราคาสินค้าจากตัวมูลค่าส่วนเกินนี้นี่เอง นั่นนำมาสู่สิ่งที่มาร์กซ์ทำนายไว้ว่าความตึงเครียดนี้จะก่อให้เกิดมวลชนแรงงานที่ “ทุกข์ทน” จากระบบการผลิตที่อยู่ดีๆมีราคาของอะไรก็ไม่รู้ที่นายทุนสร้างมันขึ้นมามากเกินกว่าที่จะยอมรับได้ ความทุกข์ทนที่เกิดจากรายได้(ในรูปของเงินตรา)ที่ตนเองได้รับกลับไม่สามารถซื้อสินค้าได้ในความเป็นธรรมที่ตนเองได้ลงแรงลงไปในขั้นต้น และเมื่อกระบวนการผลิตซ้อนทับขึ้นหลายชั้นมากขึ้นเรื่อยบวกกับมูลค่าส่วนเกินที่ถูกเพิ่มเข้าทบทวีในแต่ละกระบวนการแต่ละขั้นยิ่งจะทำให้ แรงงานซึ่งเป็นสิ่งพื้นฐานสุดของการผลิตถูกขูดรีดขึ้นมากขึ้นเท่าทบทวี ให้ลองนึกถึงแบงค์หรือเหรียญที่แรงงานได้รับแต่กลับไปซื้อสินค้าได้ลดลงเรื่อยๆ แต่ปัญหามันก็จะไม่เกิดมากถ้าระบบเงินตราที่ถูกสร้างมาและแจกจ่ายออกไปในระบบมีปริมาณที่จำกัด เพราะหากเราคิดว่าถ้าเงินตราที่แรงงานได้รับมีปริมาณคงที่ในระบบมันก็จะเปรียบเสมือนกับวัตถุที่มีปริมาณจำกัด และเมื่อของที่มีปริมาณจำกัดราคาในตัวมันเองก็จะไม่ลดลงเมื่อเวลาผ่านไป แรงงานที่ได้รับเงินตราที่ “มีค่า”ในตัวมันเองตลอดก็จะไม่อยู่ในภาวะลำบากเมื่อได้รับผลตอบแทนจากแรงงานของตน แต่ระบบทุนนิยมไม่ยอมให้สิ่งนี้เป็นไปได้เพราะหากเงินตรามีคุณค่ามากนั่นหมายความว่า มูลค่าส่วนเกิน จะทำงานในระบบทุนนิยมไม่ได้ เพราะคนจะนำเงินตราที่มีไปใช้แต่ในกับแต่สินค้าที่ราคาเป็นธรรม ไม่ถูกสร้างมูลค่าด้วย story หรือความโลภของนายทุนที่มากเกินความจำเป็น (ในอุดมคติมันไม่ควรมีสิ่งเหล่านี้แต่ผมไม่ naïve ขนาดที่ว่ามันจะมีไม่ได้) ซึ่งสุดท้ายระบบทุนนิยมมันจะดำเนินต่อไปไม่ได้และอาจจะถึงขั้นล่มสลาย เมื่อทุนนิยมถูกท้าทายด้วยเงินตราเสียเอง ระบบของทุนมันจึงลักไก่ด้วยวิธีการที่ง่ายและชั่วร้ายที่สุดนั้นคือทำให้เงินมันเสื่อมค่าลง ซึ่งวิธีการก็ง่ายมากและไม่ซับซ้อนนั่นคือการ “พิมพ์”มันขึ้นมาเรื่อยๆ โดยอาศัยอำนาจรัฐ ซึ่งสิ่งที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดคือเมื่ออเมริกานำระบบการเงินออกจากมาตรฐานทองคำ นั่นคือต่อไปคุณสามารถพิมพ์เงินได้โดยไม่ต้องมีทองคำ back เอาไว้ก็ได้ เพราะทองคำคือวัตถุที่เราถือว่ามีจำกัดในโลกใบนี้ณ.เวลานี้ ถ้าเงินถูก back ไว้ด้วยทองคำทั้งหมดก็จะเสมือนว่าเงินมีจำกัดไปโดยปริยาย การยกเลิกระบบมาตรฐานทองคำและสามารถพิมพ์เงินได้เรื่อยๆจึงนำไปสู่ปรากฏการณ์เงินสูญเสียมูลค่าไปเรื่อยๆ ในทางเศรษฐศาสตร์เราเรียกสิ่งนี้ว่า “เงินเฟ้อ” สุดท้ายแล้วปัญหาที่มาร์กซ์ได้เคยบอกไว้ว่าระบบทุนนิยมจะทำให้แรงงานทุกข์ทนไปเรื่อยๆก็ไม่ได้รับการแก้ไขจากการพยายามคงมูลค่าของเงินได้เพราะรัฐไม่ยอมให้สิ่งนี้เกิดขึ้น เพราะการที่เงินคงมูลค่าได้จะต้องแลกมากับปัญหาซึ่งเป็นจุดเด่นและจุดอ่อนหลักของทุนนิยมนั่นคือมูลค่าส่วนเกิน เมื่อรัฐไม่ปกป้องแรงงาน ในการแก้ปัญหาแรงงานถูกขูดรีดจากระบบจึงควรแก้ไปที่หาสิ่งที่มาแทนเงินตรา ซึ่งสิ่งนั้นจะต้องมีจำกัด ควบคุมโดยรัฐไม่ได้ ไม่สามารถผลิตเพิ่มได้ โปร่งใสและเป็นธรรม ในขณะที่ต้องมีความสามารถในการเคลื่อนย้ายเพื่อชำระค่าบริการหรือสินค้าได้สะดวก ซึ่งแม้ว่าทองคำจะมีความสามารถในเกือบทุกอย่างที่ว่าไว้แต่เนื่องด้วยขีดจำกัดด้านวัตถุและมวลสารทำให้การเคลื่อนย้ายลำบาก และที่สำคัญมันเตะตาอำนาจรัฐที่ฉ้อฉลหากมันต้องการเอาออกไปจากคุณ นั่นมาสู่สิ่งเดียวที่เหลืออยู่ในโลกใบนี้ณ.เวลานี้คือ “บิทคอย” สินทรัพย์ที่มีจำนวนจำกัด แก้ไข้ไม่ได้ โปร่งใสตรวจสอบได้ เป็นธรรม เคลื่อนย้ายสะดวก และรัฐไม่สามารถเอาไปจากคุณได้(ถ้าคุณไม่บอก keys) แน่นอนว่าแม้บิทคอยจะสามารถทำให้มนุษยชาติเข้าใกล้อุดมคติของมาร์กซ์โดยที่ไม่ต้องให้มวลชน “รวมตัวกัน” หรือ “ต่อต้าน”ระบบทุนนิยมเหมือนในอดีตที่ผ่านมา แต่เราปฏิเสธไม่ได้ว่ามนุษยชาติเองก็พิสูจน์ให้เราเห็นแล้วว่าพร้อมที่จะกดขี่คนส่วนมากเพียงเพื่อความหวังลมๆแล้งๆว่าสักวันตนเองจะกลายเป็นคนส่วนน้อยที่มั่งคั่งและเสพสุขจากความทุกข์ของผู้อื่น #Bitcoin #BTC